สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 ก.ค.โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวด้านความมั่นคงของสหรัฐ ว่าเที่ยวบินเช่าเหมาลำของรัฐบาลวอชิงตันนำพลเมืองอัฟกัน 221 คน ในจำนวนนี้รวมถึงเด็ก 57 คน และทารก 25 คน ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติวอชิงตัน ดัลเลส ชานกรุงวอชิงตัน เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น
ทั้งนี้ พลเมืองอัฟกันที่อยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าวทั้งหมด คือพลเมืองอัฟกันซึ่งเคยร่วมงานกับกองทัพสหรัฐในฐานะล่าม หรือช่วยงานด้านอื่น พร้อมสมาชิกในครอบครัว เมื่อไม่นานมานี้ นางเจน ซากี โฆษกหญิงทำเนียบขาว ยืนยันว่า รัฐบาลวอชิงตันพร้อมช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้ให้เดินทางออกจากอัฟกานิสถาน โดยจะมีการอพยพกลุ่มแรกช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้ และต้องเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 31 ส.ค.ที่จะถึง ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการที่ทหารอเมริกันจะประจำการอยู่ในอัฟกานิสถาน หลังเคยส่งกำลังพลเข้ามามากถึง 100,000 นาย ร่วมกับพันธมิตรอีกหลายประเทศ เพื่อทำสงครามโค่นอำนาจกลุ่มตาลีบัน สืบเนื่องจากเหตุวินาศกรรม 9/11 เมื่อปี 2544
อนึ่ง ในระหว่างนี้ พลเมืองอัฟกันซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐ จะอาศัยอยู่ภายในค่ายทหารฟอร์ต ลี ที่รัฐเวอร์จิเนีย "ประมาณ 3-4 วัน" แล้วจะมีการเคลื่อนย้ายอีกครั้ง โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยืนยันจะให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในการให้บรรดาล่ามและครอบครัวได้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในสหรัฐ หรืออาจเป็นประเทศอื่น "ตามความเหมาะสม"
จนถึงปัจจุบัน ทำเนียบขาวยังไม่เคยให้สถิติอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับจำนวนล่ามชาวอัฟกันและครอบครัว แต่ข้อมูลเบื้องต้นจากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐระบุว่า มีพลเมืองอัฟกันซึ่งเคยทำงานให้กับรัฐบาลวอชิงตันลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือให้อพยพแล้วประมาณ 20,000 คน แต่หากรวมสมาชิกในครอบครัวด้วย อาจเพิ่มจำนวนเป็นมากถึง 100,000 คน สะท้อนความหวาดกลัวที่มีต่อกลุ่มตาลีบัน แม้มีการ "ให้คำมั่นว่าจะไม่ทำอะไร" แต่หลายฝ่ายยังคงเคลือบแคลงต่อ "ความจริงใจ" ของกลุ่มตาลีบัน.
เครดิตภาพ : AP