เมื่อวันที่ 30 ก.ค. พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ คณะทำงานพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพล.อ.ประวิตร ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) มีความห่วงใยสถานการณ์น้ำของประเทศไทยและได้มอบหมายให้ กอนช. ติดตามอิทธิพลของพายุโซนร้อน “เจิมปากา” ในช่วงวันที่ 20–27 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ แม้ว่าไม่ได้กระทบต่อประเทศไทยโดยตรง แต่ทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ซึ่งนับว่าส่งผลดีทำให้มีน้ำไหลลงแหล่งน้ำเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ กอนช. ได้ติดตามปริมาณน้ำที่ไหลเข้าแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 38 แห่งทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำไหลเข้าจริง จำนวน 2,032.05 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 197.58 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งออกเป็น ภาคเหนือ ปริมาณน้ำไหลเข้าจริง 378.26 ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ 70.25 ล้านลูกบาศก์เมตร ภาคกลาง ปริมาณน้ำไหลเข้าจริง 6.58 ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ 6.69 ล้านลูกบาศก์เมตร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปริมาณน้ำไหลเข้าจริง 277.40 ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ 51.84 ล้านลูกบาศก์เมตร ภาคตะวันออก ปริมาณน้ำไหลเข้าจริง 51.55 ล้านลูกบาศก์เมตร มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ 10.85 ล้านลูกบาศก์เมตร ภาคตะวันตก ปริมาณน้ำไหลเข้าจริง 1,261.49 ล้านลูกบาศก์เมตร มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ 344.88 ล้านลูกบาศก์เมตร ภาคใต้ ปริมาณน้ำไหลเข้าจริง 56.77 ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ 29.36 ล้านลูกบาศก์เมตร
พล.ร.อ.พิเชฐ กล่าวว่า ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบภาคที่มีปริมาณน้ำไหลเข้ามากขึ้นจากน้ำต้นทุนช่วงต้นฤดู ณ 1 พ.ค. 64 ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก ซึ่งปริมาณน้ำที่ไหลเข้าจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนเจิมปากา นี้ เป็นประโยชน์อย่างมากในการช่วยเติมน้ำต้นทุนให้แก่อ่างเก็บน้ำหลายแห่งที่อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังน้ำน้อย ส่งผลให้สถานการณ์ดีขึ้น โดยเฉพาะเขื่อนวชิราลงกรณที่มีน้ำไหลเข้ามากที่สุดถึง 894.74 ล้านลูกบาศก์เมตร แม้ว่าปริมาณน้ำที่ไหลเข้าแหล่งน้ำจากอิทธิพลของพายุเจิมปากาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วยเพิ่มน้ำต้นทุนให้แก่แหล่งน้ำหลายแห่งที่อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังน้ำน้อย แต่ก็ยังมีพื้นที่โดยเฉพาะลำน้ำสายหลักที่มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ซึ่ง กอนช.เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ของแหล่งน้ำทุกแห่งอย่างใกล้ชิด จึงขอให้ติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำแม่น้ำโขงในวันที่ 29 ก.ค.-3 ส.ค.นี้
พล.ร.อ.พิเชฐ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมรับมือล่วงหน้าให้แก่หน่วยงานในพื้นที่ กอนช. ได้มีหนังสือแจ้งเตือนระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 8 จังหวัดริมโขง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ เตรียมความพร้อม และประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงและแจ้งเตือนให้ประชาชนที่สัญจรและประกอบกิจกรรมในบริเวณแม่น้ำโขง รวมทั้งผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำโขง ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมการเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของระดับน้ำในแม่น้ำโขงด้วย.