ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ห้องประชุม โรงแรมบุรีศรีภูฯ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อเวลา 09.00 น วันที่ 17 พ.ค. ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศอ.บต. ได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด ติดเชื้อไวรัส “โคโรนา 2019” คลี่คลาย โดยการเชิญ คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา ตัวแทนภาคเอกชน โดยมีนายแวฮามะ บากา รองประธานคณะกรรมการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นประธานในที่ประชุม และนายธนวัฒน์ พูลศิลป์ ประธานหอการค้า ได้บรรยายพิเศษ เรื่อง ผลกระทบทางเศรษฐกิจของ จ.สงขลา จากสถานการณ์ของ”โควิด 19 “     

นาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผอ.กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ให้เหตุผลในการประชุมรับฟังความคิดเห็นจาก คณะกรรมการที่ปรึกษาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) และ ตัวแทนเอกชนใน ซึ่งมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีตัวแทนของจังหวัดสงขลา และตัวเอกที่เป็นนักธุรกิจใน จ.สงขลา มาประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นในการ “ฟื้นฟูธุรกิจการค้าการท่องเที่ยว”ของ จ.สงขลา ในวันนี้ เพื่อนำข้อมูลข้อเสนอแนะจากที่ประชุมเพื่อนำเสนอต่อ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธาน คณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ที่จะเดินทางมาพบปะกับ นักธุรกิจ และภาคส่วนอื่นๆ ที่ อ.หาดใหญ่ ในวันที่ 8 มิ.ย. ที่จะถึงนี้

สำหรับในการประชุมวันนี้ ต้องการเห็นประเด็นของปัญหาและการแก้ปัญหาของ จ.สงขลา ในพื้นที่ อ.เมือง อ.หาดใหญ่ อ.สะเดา ในพื้นที่เมืองชายแดน เทศบาลตำบลสำนักขาม และเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ ที่เป็นเมืองชายแดน ซึ่งทั้งหมดมีความซบเซา จากการระบาดของ ”โควิด 19“ และขณะนี้ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดี และมีการเปิดพรมแดนระหว่างประเทศแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องฟื้นฟู ให้ เมืองทั้งหมด กลับมาเป็นเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเช่นเดิม เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปากท้องของทุกภาคส่วน ซึ่ง ศอ.บต. ได้เสนอแนวทางในการฟื้นฟู เมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา ไว้ 3 ข้อด้วยกัน 1. ผลักดันให้ จ.สงขลา เป็นเขตปลอดภาษี หรือ “ดิวตี้ฟรีโซน” 2. ให้สถานบันเทิงเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง และ 3 .การสร้างความเชื่อมั่น เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอก กลับมาทำธุรกิจและท่องเที่ยวใน จ.สงขลาอีกครั้ง ซึ่งในที่ประชุมได้มีการให้ข้อคิดเห็น และเห็นด้วยกับทั้ง 3 แนวทาง แต่ยังมีประเด็นปัญหาที่ ศอ.บต.ต้อง ผลักดันให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้ตรงจุด เช่นเรื่องของ เงินกู้ดอดเบี้ยต่ำ ที่สถาบันการเงินให้กู้แต่กับกลุ่มทุนที่ไม่เสี่ยง แต่ปฏิเสธในการให้กู้กับผู้นำธุรกิจ เอสเอ็มอี และ ชาวบ้านที่ค้าขายเล็กๆ และประชาชนทั่วไป และรัฐบาลไม่ควรที่จะกลับมาเก็บภาษีที่ดิน ภาษีต่างๆ ในขณะที่ ปัญหาต่างๆเพิ่งจะคลี่คลายมีการนำเสนอว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ของ อ.หาดใหญ่ อำเภอเมือง และ เมืองชายแดนอย่างด่านนอก และ ปาดังเบซาร์ มีความต่างกัน จะใช้นโยบายเดียวกันไม่ได้ อย่าง อ.เมือง ต้องขายความเก่า หาดใหญ่ขายความทันสมัย บันเทิง และ ด่านนอก ต้องมองถึงนักท่องเที่ยวที่เป็นเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียเป็นสำคัญ และไม่ว่าอย่างไร จะมองเฉพาะเรื่องธุรกิจการค้า การบันเทิงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูที่ภาพรวม เช่นอาชีพเกษตรกร ประมง และอื่นๆ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ถ้าอาชีพเหล่านี้มีปัญหา ไม่มีกำลังซื้อ การที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นตามที่ต้องการเห็นก็เป็นไปได้อยาก   

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล เลขานุการคณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นผู้สรุปการประชุมในครั้งนี้ ได้กล่าวว่า เห็นด้วยในการที่จะฟื้นหาดใหญ่แบบเฉาะหน้าด้วยการเปิดสถานบริการ ไม่ต้อง 24 ชั่วโมง แต่ให้อนุญาตให้เปิดได้ถึง ตี 4 อาจจะทำให้ หาดใหญ่ฟื้นคืนชีพได้ เพราะในอดีต หาดใหญ่ รุ่งเรืองเติบโตจาก สถานบันเทิง ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่เดินทางมาเที่ยวในยามราตรี ทุกวันนนี้สถานบันเทิงส่วนใหญ่ ในหาดใหญ่ ใน สงขลา ก็เปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนดอยู่แล้ว โดยการจ่าย ”ส่วย” ให้เจ้าหน้าที่ ถ้าเปิดได้ถึง 4 นาฬิกา จะได้ไม่ต้องทำผิดกฎหมาย และไม่ต้องจ่าย ”ส่วย” ให้เจ้าหน้าที่ แต่ต้องระมัดระวังเรื่อง”การค้ามนุษย์” และเรื่อง”ศีลธรรม” ให้มาก ต้องมีการป้องกันในเรื่องนี้ ในส่วนเรื่อง “ดิวตี้ฟรีโซน” เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ต้องมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องหลายเรื่อง ซึ่งเคยพูดกันมากว่า 10 แล้ว แต่ไม่ได้ทำอย่างจริงจัง ในเรื่องของความเชื่อมั่น ในพื้นที่ จ.สงขลา ยกเว้น 4 อำเภอ ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งการสร้างความเชื่อมั่น เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก ที่ยากกว่าคือการ ฟื้นฟู เมืองชายแดนอย่าง “ด่านนอก” อ.สะเดา เมืองเศรษฐกิจชายแดนไทย-มาเลเซีย เพราะ เมืองนี้เกิดขึ้นแบบ ไร้แบบแผน และเติบโตด้วย ธุรกิจผิดกฎหมาย มีปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์ และผลประโยชน์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ และเป็นเมืองที่ต้องพึ่งพา ชาวมาเลเซีย มากกว่าคนในพื้นที่ ซึ่งการฟื้นฟูเมืองเศรษฐกิจเมืองนี้ ต้องให้ เจ้าของธุรกิจ นักลงทุน ในพื้นที่ มีส่วนในการเสนอความคิดเห็นด้วย จึงจะสามารถหาแนวทางในการฟื้นฟู    

สำหรับหาดใหญ่ ในระยะยาวต้องมีการสร้าง ”จุดขาย” เพราะ หาดใหญ่ ในอดีตโตมาจาก สินค้าหนีภาษี เรื่อง โสเภณี ไม่ได้โตจากการท่องเที่ยว หาดสวย น้ำใส ซึ่งเป็นการเติมโตที่พึ่งพึงชาวมาเลเซีย เป็นความรุ่งเรื่องเมื่อ 40 ปีก่อน ที่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว แม้แต่ภูมิทัศของ ธุรกิจการค้า ก็เปลี่ยน แต่คนส่วนหนึ่งของหาดใหญ่ยังไม่เปลี่ยน ยังอยู่กับอดีต และยังคาดหวังว่าหาดใหญ่จะฟื้นด้วยชาวมาเลเซีย หาดใหญ่วันนี้ไม่มีจุดขาย หากไม่มีการสร้างจุดขายใหม่ขึ้นมา หาดใหญ่ก็จะเป็น”เมืองผ่าน” ซึ่งการเป็น เมืองผ่าน ก็ต้องคิดว่า จะทำอย่างไรกับการเป็นเมืองผ่าน และ เจ้าของธุรกิจรุ่นเก่าๆ ยังมี อิทธิพล ในหาดใหญ่ ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตนเองตาม ภูมิทัศน์ทางการค้าที่เปลี่ยนไปแล้ว จริงอยู่ องค์กรต่างๆ ที่เป็นของเอกชน มีการเปลี่ยนผู้นำเป็น คนรุ่นใหม่ แต่ถ้า เจ้าของธุรกิจ ไม่เชื่อ ไม่ฟัง ไม่ให้ความร่วมมือ การ ขับเคลื่อน องค์กรก็เป็นไปยาก และที่สำคัญ ราชการ คือ ปัญหาใหญ่ของการเปลี่ยนแปลง