ตัวเลขผู้ติดเชื้อนิวไฮต่อเนื่องไต่ระดับวันละหมื่นกว่าล้อกับตัวเลขคนเสียชีวิตจากโควิด-19 รายวันทะลักหลักร้อย กดไม่ลงตามตัวเลขของ ศบค.แต่ในความจริงทุกคนก็รู้ว่าตัวเลขเหล่านี้ ของจริงทะลุไปกี่เท่าแล้ว ทั้งในกทม. และต่างจังหวัด และตามสภาพที่มาถึงตรงนี้กับความเป็นไปได้ของแผนการฉีดวัคซีน หวังสร้าง “ภูมิคุ้มกันหมู่” ให้ได้ร้อยละ 70 ของประชากร 65 ล้านคน ภายในสิ้นปี 64 เป็นภาพที่ดูจะ “เลือนราง” เต็มที ไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้

เพราะวัคซีนหลักอย่าง “แอสตราเซเนกา”ไม่มาตามนัด ขณะที่รัฐบาลก็ยังดันทุรังสั่ง “ซิโนแวค” เข้ามาอีกกว่า 10 ล้านโดส  มูลค่ากว่า 6,000ล้านบาท  ประชาชนไร้ความเชื่อมั่นจึงต้อง  แสวงหาวัคซีนทางเลือก  ยิ่งตอกย้ำความผิดพลาดของกระทรวงสาธารณสุข ที่รับผิดชอบจัดหาวัคซีนลอตแรกตั้งแต่ช่วงกลางปี 63 จนเกิดปัญหาการ รวบอำนาจเบ็ดเสร็จไปอยู่ที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค.  รวมถึงตั้งคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ไร้ชื่อ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข  เกิดปัญหาซ้ำซ้อนในการทำงาน ไร้อำนาจ ไร้ตะบอง จึงโดนเต็มๆ ในฐานะสวมหมวก “กระทรวงหมอ”  

ล่าสุดความขัดแย้งยิ่งปรากฏชัดระหว่างพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง  ผู้ว่า กทม. และกระทรวงสาธารณสุข ในเรื่องของกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) นั้น วัคซีนที่หายไปไหน?

“การกระจายวัคซีนจะมีศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เป็นผู้พิจารณาและรับทราบข้อมูลทั้งหมด ผมเชื่อว่า ทุกคนแบกความเครียดเหมือนกันหมด เรื่องของการทำงาน ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดต่างก็มีความต้องการวัคซีนให้ได้มากที่สุด ซึ่งทาง ศบค. ก็เป็นผู้จัดสรรแผนการกระจายวัคซีนออกไป โดยมีกรมควบคุมโรคเป็นผู้รับมาปฏิบัติ ส่งวัคซีนออกไปตามที่ ศบค.กำหนด”  นายอนุทิน  ระบุชัดเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่าน  

ซึ่งเข้าทาง “นายกฯทิพย์” จากดูไบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอ 5 ข้อถึงรัฐบาล สอนวิธีการแก้ปัญหา พร้อมแนะ “บิ๊กตู่” ใส่ PPE ลงพื้นที่จริง ทั้ง  โรงพยาบาลสนาม ไปดูคิวฉีดวัคซีนที่ ศูนย์ฉีดกลางบางซื่อ เพื่อจะได้รู้ปัญหาหน้างานจริง “นายกทิพย์” สอนมวย “นายกจริง” ผ่านโซเชียลกระตุกความนิยม ท่ามกลางวิกฤตศรัทธาติดลบ  จนเกิดกระแสที่เป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง  “นายกพระราชทาน” กระหึ่มในช่วง 2-3 ที่ผ่านมา

เตรียมตอกย้ำกับศึกอภิปรายไว้วางไว้วางใจที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) เตรียมยื่นญัตติอภิปรายกลาง ส.ค. พุ่งเป้า 5 รัฐมนตรี โดยมี “บิ๊กตู่”เป็นจำเลยที่ 1 พุ่งเป้าประจาน “บริหารงานล้มเหลว– ส่อทุจริต–ทำเศรษฐกิจพัง – แก้โควิดห่วย” จ่อยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เชือดต่อ

วันนี้เสียงคนที่เคยสนับสนุนจาก “กองเชียร์” กลับเปลี่ยนมาเป็น “กองแช่ง” เพิ่มขึ้นๆ “บิ๊กตู่”นอกจากต้องรีบหาวัคซีนมาให้ได้มากที่สุด กอบกู้ความเชื่อมั่นกลับมาควบคู่เร่งพีอาร์ทำความเข้ากับประชาชนสกัดเฟคนิวส์ อย่างจริงจัง

และถึงเวลาหา “มืออาชีพ” ชุดใหม่ มาทำการสื่อสารท่ามกลางภาวะวิกฤตและรับแรงปะทะทางการเมือง ทำงาน “เชิงรุก” ให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้ รัฐบาลอ่อนด้อย  “สอบตก” ด้านการสื่อสารกับประชาชนแบบที่เป็นอยู่ในขณะนี้.