คะแนนนิยมของมอร์ริสัน เริ่มดิ่งลงตั้งแต่ช่วงกลางปี 2563 เมื่อความพึงพอใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีต่อเขา จากที่เคยมีมากถึง 40 จุดร้อยละเหนือความไม่พอใจ กลายเป็นติดลบ 14 จุดในปัจจุบัน ตามข้อมูลของผลสำรวจ นิวส์โพลล์ ที่เผยแพร่โดยหนังสือพิมพ์ ดิ ออสเตรเลียน ประจำสัปดาห์นี้ และถึงแม้ความนิยมของเขาจะฟื้นขึ้นมาเล็กน้อยในช่วงการระบาดโรคโควิด-19 แต่มันตกกลับไปเช่นเดิมต่อจากนั้น

“ผู้ออกเสียงรู้จักมอร์ริสันเป็นอย่างดีแล้วในตอนนี้ และพวกเขาไม่ชอบมอร์ริสัน” คริส วอลเลซ นักประวัติศาสตร์การเมืองที่มหาวิทยาลัยแคนเบอร์รา ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับชัยชนะของมอร์ริสันเมื่อปี 2562 กล่าว “ตอนนี้ผู้ออกเสียงเห็นว่ามอร์ริสันเป็นผู้นำที่หนีความรับผิดชอบ ในช่วงวิกฤติของประเทศ และคำพูดของเขาไม่สามารถเชื่อถือได้อีกต่อไป”

ทั้งนี้ วอลเลซ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพลักษณ์มุมมองที่ไม่ดีเช่นนี้ “ถูกเสริมด้วยการประณามการประเมินความประพฤติมากมาย จากคณะทำงานของตัวเขาเอง” และชี้ว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เคยกล่าวไว้เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ว่า มอร์ริสันโกหกเรื่องสัญญาสร้างเรือดำน้ำ แต่มอร์ริสันตอบกลับว่า เขาไม่เคยพูดโกหก ในฐานะผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชน

9 News Australia

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งรู้สึกไม่พอใจเป็นครั้งแรกในการจัดการไฟป่าของมอร์ริสัน เมื่อเดือน ธ.ค. 2562 ที่มีผู้เสียชีวิต 24 คน และอีกหลายพันคนต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน ซึ่งในช่วงที่เกิดวิกฤตินั้น เขากลับพาครอบครัวไปท่องเที่ยวพักผ่อนที่ฮาวาย จนเขาต้องออกมาขอโทษต่อสาธารณชนในภายหลัง

ด้านจอห์น วอร์เฮิร์สต์ ศาสตราจารย์รัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย กล่าวว่า มอร์ริสันจะไม่ “ชนะแบบปาฏิหาริย์” ซ้ำสอง “เมื่อปี 2562 เขาคือหน้าใหม่ในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่ตอนนี้ แผลเป็นของการอภิปรายเรื่องความซื่อสัตย์มันอยู่ตรงนั้น”

นายแอนโทนี อัลบานีส หัวหน้าพรรคแรงงาน

ในการโต้วาที เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา นายแอนโทนี อัลบานีส หัวหน้าพรรคแรงงาน กล่าวโจมตีเรื่องการขาดแคลนวัคซีนป้องกันโควิด-19 และชุดตรวจแบบแอนติเจน แต่มอร์ริสันตอบกลับว่า คนออสเตรเลียต้องการพลังจากเขาในช่วงการระบาด และนั่นหมายความว่าพวกเขาจะการทำงานในด้านอื่น เขายอมรับว่าไม่ได้ทำถูกต้องทุกอย่าง แต่ยืนยันว่าอัตราการเสียชีวิตจากการระบาดของออสเตรเลียน้อยกว่าประเทศอื่น และเรียกอัลบานีสว่าเป็น “หน่วยหลวม” ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการบริหารเศรษฐกิจ

วอร์เฮิร์สต์ กล่าวว่า แม้มอร์ริสันจะขะมักเขม้นในการรณรงค์หาเสียง แต่เขาออกห่างจากเขตเลือกตั้งพรรคเสรีนิยมในเมืองใหญ่ ทั้งซิดนีย์และเมลเบิร์น ที่สภาชิกรัฐสภาของรัฐบาลเสี่ยงต่อการเสียผู้ลงคะแนนเสียงฝ่ายขวาให้กับคลื่นผู้สมัครอิสระ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง

นอกจากนี้ วอลเลซ กล่าวว่า มอร์ริสันสร้างภาพคนธรรมดา เมื่อปี 2562 ซึ่งดึงดูดคนทั่วไป ในขณะที่ผู้นำอีกฝ่ายไม่เป็นที่ชื่นชอบ อย่างไรก็ตาม เธอกล่าวว่า มันจะไม่ได้ผลในครั้งนี้ เมื่อเขาต้องเจอกับ “ผู้นำฝ่ายค้านที่น้อยคนรู้จัก แต่มีความอ่อนโยน”.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES