งเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 14 พ.ค. ที่พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ในฐานะผอ.การเลือกตั้งพรรคก้าวไกล นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล เปิดเวทีปราศรัยโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ในวันที่ 22 พ.ค.65 ในหัวข้อ รวมพลังอนาคตใหม่ จบปัญหาเรื้อรัง ได้เวลาเลือก “ยาแรง”

น.ส.พรรณิการ์ ขึ้นปราศรัยเป็นคนแรก ว่าเรามีผู้ว่าฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งกว่า 9 ปีแล้ว ยาวนานกว่าผู้ว่าฯ ที่มาจากการเลือกตั้งที่มีวาระเพียงแค่ 4 ปี หลายปีที่ผ่านมาชีวิตของพวกเราสิ้นหวังอย่างนี้ได้อย่างไร เวลาแห่งความสิ้นหวังและคับแค้นใจกำลังจะหมดไป ทุกการเลือกตั้งคือโอกาสของการเปลี่ยนแปลง นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดไม่ว่าจะเป็นพรรคอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล เราสู้ในทุกสนามเลือกตั้ง หลายคนอาจจะบอกว่าสู้มานานแล้วเมื่อไรจะชนะ อำนาจมืดในประเทศนี้ใหญ่เกินไป อำนาจไม่มีวันเป็นของประชาชน ทั้งนี้การต่อสู้ไม่ใช่วันเดียวหรือปีเดียวจบ ประชาธิปไตยไม่ใช่ได้มาเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2475 แต่นั่นเป็นการปักหมุดวันแรกต่างหาก ตลอด 90 กว่าปีที่ผ่านมาเราไม่หยุดสู้ ประชาชนสู้บนถนน นักการเมืองสู้ในสภา จึงเป็นเหตุผลที่เราไม่เคยหยุด การเดินทางต้องใช้เวลา และมีแต่จะไปข้างหน้าจนกว่าเราจะชนะ

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่าวันที่ 22 พ.ค. เดินเข้าไปในคูหาแล้วจำความรู้สึกเดียวกับวันที่ 24 มี.ค.62 ความคับแค้นใจที่ไม่ได้เลือกผู้ว่าฯ กทม. มา 9 ปี เดินเข้าคูหาด้วยความหวัง ว่าจะส่งคนที่หวังจะเห็น กทม. เป็นเมืองที่เท่าทียม ยุติธรรม และเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน 24 มี.ค. 62 เรายังไม่สามารถส่งคนอนาคตใหม่ไปบริหารประเทศได้ แต่ 22 พ.ค.นี้เสียงของพวกเราจะส่งนายวิโรจน์ไปบริหารกทม. และบริหารงบประมาณ 8 หมื่นล้านบาทเพื่อคน กทม. ให้พล.อ.ประยุทธ์ดูว่าคนของอนาคตใหม่บริหารดีกว่าพล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นนายวิโรจน์จะได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่อยู่ที่ทุกคน

////