สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ว่า นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ปราศรัยท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุน ในกรุงมะนิลา หลังเข้าใกล้ชัยชนะอย่างเป็นทางการ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเมื่อนับคะแนนไปแล้วมากกว่า 98% มาร์กอส จูเนียร์ ได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 31 ล้านเสียง ทิ้งห่างอันดับสอง คือ นางเลนี โรเบรโด มากกว่าครึ่ง


ทั้งนี้ มาร์กอส จูเนียร์ หรือ “บองบอง” วัย 64 ปี บุตรชายของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้ล่วงลับ กล่าวขอบคุณ “ความสนับสนุน 31 ล้านเสียงเพื่อความสมานฉันท์” พร้อมทั้งกล่าวถึงวาระเร่งด่วนที่ต้องมีการแก้ไข เมื่อเข้ารับตำแหน่ง เน้นไปที่เศรษฐกิจ พลังงาน การเพิ่มอัตราการจ้างงาน การปฏิรูปการศึกษา และการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน และทิ้งท้ายว่า เขาพร้อมเป็นกระบอกเสียง ให้กับชาวฟิลิปปินส์ทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือ

นักศึกษาฟิลิปปินส์รวมตัวประท้วงหน้าที่ทำการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในกรุงมะนิลา แสดงจุดยืนต่อต้านนายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์


อนึ่ง มาร์กอส จูเนียร์ สร้างประวัติศาสตร์ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีคนแรก ซึ่งได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนมากกว่า 50% ของผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ นับตั้งแต่ชัยชนะของมาร์กอสผู้พ่อ เมื่อปี 2508 และนำฟิลิปปินส์เตรียมกลับไปอยู่ภายใต้การบริหารประเทศของตระกูลมาร์กอส เป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปี หรือนับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติประชาชน ขับไล่ตระกูลมาร์กอส เมื่อปี 2529


ขณะเดียวกัน มาร์กอส จูเนียร์ วิงวอนชาวฟิลิปปินส์ร่วมกันมองไปข้างหน้า ตัดสินตัวเขาจากการกระทำ ไม่ใช่สิ่งที่บรรพบุรุษของเขาเคยปฏิบัติและจบสิ้นไปแล้ว อย่างไรก็ดี เริ่มมีการประท้วงไม่ยอมรับมาร์กอสจากประชาชนจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา ซึ่งเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งตรวจสอบ “ความไม่ชอบมาพากล” ของการนับคะแนนด้วย.

เครดิตภาพ : REUTERS, GETTY IMAGES