สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย เยือนอิหร่าน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการเดินทางมายังประเทศแห่งนี้เป็นครั้งที่สองเท่านั้น นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองในซีเรียปะทุ เมื่อเดือน มี.ค. 2554 โดยการเยือนครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.พ. 2562


อัสซาดเข้าพบอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน และประธานาธิบดีอียราฮิม ไรซี ผู้นำรัฐบาลคนปัจจุบัน โดยประเด็นสำคัญของการหารือ รวมถึงการยกระดับความร่วมมือทวิภาคีในหลากหลายมิติ ด้านผู้นำระดับสูงของอิหร่านทั้งสองคน กล่าวว่า “ชัยชนะของซีเรียที่มีต่อสงครามระหว่างประเทศ” ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือให้กับรัฐบาลอัสซาด

จากซ้ายไปขวา : อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด และประธานาธิบดีอีบราฮิม ไรซี ที่กรุงเตหะราน


ขณะที่ผู้นำซีเรียกล่าวถึง “ความสัมพันธ์และความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์” ร่วมกับอิหร่าน ที่ช่วยป้องกันการแผ่นขยายอิทธิพลของ “รัฐไซออนิสต์” ในภูมิภาค ซึ่งหมายถึงอิสราเอล


ทั้งนี้ กองทัพซีเรียอยู่ในสถานะเป็นรองอย่างชัดเจน ในช่วงต้นของสงคราม อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างมาก นับตั้งแต่รัสเซียมอบความช่วยเหลือและความสนับสนุนทางทหาร เมื่อปี 2558 โดยกองทัพซีเรียสามารถกระชับพื้นที่คืนได้อย่างต่อเนื่อง


ด้านไรซีให้ความเห็นเพิ่มเติม ว่าจริงอยู่ที่ทหารซีเรียและนักรบฝ่ายสนับสนุนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม “กองกำลังต่างชาติ” ยังคงยึดครองพื้นที่บางส่วนอยู่ ส่งสัญญาณโดยนัย ว่าหมายถึงสหรัฐ


อนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา อัสซาดเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) และมีการเห็นพ้องฟื้นฟูความสัมพันธ์ในหลายมิติ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของอัสซาดมีความสำคัญอย่างมากในด้านนโยบายภูมิศาสตร์การเมืองของตะวันออกกลาง เนื่องจากเป็นการเยือนยูเออีอย่างเป็นทางการครั้งแรกของผู้นำซีเรีย และสร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้แก่สหรัฐ.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES