ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการเตรียมนักกีฬาไทย โดยฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ กกท. ได้ทำการประเมินโอกาสการคว้าเหรียญทองของคณะนักกีฬาทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 12-23 พ.ค.65

การประเมินโอกาสของนักกีฬาไทยนั้น ฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ ได้แบ่งชนิดกีฬาสากลและกีฬาทั่วไป ออกจากกัน เพื่อทำการประเมินผลงานนักกีฬาไทย โดยกีฬาสากล 22 ชนิด ได้แก่ ว่ายน้ำ (กระโดดน้ำ), ยิงธนู, กรีฑา, แบดมินตัน, บาสเกตบอล, มวยสากล, จักรยาน, ฟันดาบ, ฟุตบอล, กอล์ฟ, ยกน้ำหนัก, วอลเลย์บอล, ยิมนาสติก (สากล,ลีลา,แอโรบิก), ยูโด, เรือพาย (เรือกรรเชียง), เรือพาย (แคนู-คยัค), มวยปล้ำ, ยิงปืน (ยิงเป้าบิน), เทเบิลเทนนิส, เทควันโด, เทนนิส และไตรกีฬา มีการชิงชัยรวม 350 เหรียญทอง ส่วนกีฬาทั่วไป มีการชิงชัยทั้งสิ้น 177 เหรียญทอง

ทั้งนี้ จากทั้งหมด 527 เหรียญทอง ที่มีการชิงชัยนั้น ประเทศไทย มีนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขัน 482 รายการ (กีฬาสากล 327 รายการ, กีฬาทั่วไป 155 รายการ) ซึ่งฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศประเมินว่า กีฬาสากลไทย มีโอกาสทำได้ 72 เหรียญทอง และครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองกีฬาสากลได้สำเร็จ ขณะที่ตารางเหรียญทองรวม ได้ประเมินว่า ทัพไทย จะทำได้ 112 เหรียญทอง ได้อันดับ 2

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ดร.ก้องศักด ได้ประกาศว่า ทัพไทย จะต้องทำผลงานได้ดีกว่าซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อปี 2562 ซึ่ง ทัพไทย ทำได้ 92 เหรียญทอง 103 เหรียญเงิน 123 เหรียญทองแดง ได้อันดับ 3 เป็นรอง ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ที่ได้อันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ และทัพไทย จะต้องครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ในกีฬาสากลอีกด้วย.

สำหรับ “ฮานอยเกมส์ 2022” นั้น เวียดนาม บรรจุชนิดกีฬาชิงชัยทั้งสิ้น 40 ชนิด ประกอบด้วย กีฬาทางน้ำ (ว่ายน้ำ,กระโดดน้ำ,ฟินสวิมมิ่ง), ยิงธนู, กรีฑา, แบดมินตัน, บาสเกตบอล, บิลเลียด, เพาะกาย, โบว์ลิ่ง, มวยสากล, เรือแคนู, หมากรุกสากล, จักรยาน, แดนซ์สปอร์ต, อีสปอร์ต, ฟันดาบ, ฟุตบอล, กอล์ฟ, ยิมนาสติก, แฮนด์บอล, ยูโด, ยูยิตสู, คาราเต้, คิกบ็อกซิ่ง, คูราช, มวยไทย, ปันจักสีลัต, เปตอง, เรือพาย, ตะกร้อ, ยิงปืน, เทเบิลเทนนิส, เทควันโด, เทนนิส, ไตรกีฬา, วอลเลย์บอล, โววีนั่ม, ยกน้ำหนัก, มวยปล้ำ, วูซู, หมากรุกเซี่ยงฉี ชิงชัย 527 เหรียญทอง

โดย ประเทศไทย ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน 819 คน เป็นอันดับ 2 รองจาก เวียดนาม 965 คน ตามด้วย ฟิลิปปินส์ 656 คน, มาเลเซีย 612 คน, กัมพูชา 550 คน, อินโดนีเซีย 476 คน, ลาว 363 คน, เมียนมา 352 คน, สิงคโปร์ 330 คน, ติมอร์ เลสเต 69 คน และ บรูไน 24 คน รวมทั้งสิ้น 5,216 คน