เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นรายงานว่า สก็อตต์ ไวต์ วัย 51 ปี ยอมรับสารภาพว่า เมื่อปี 2531 เขาคือผู้ที่ลงมือฆาตกรรม สก็อตต์ จอห์นสัน นักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกันวัย 27 ปีในขณะนั้น โดยการผลักผู้ตายลงจากหน้าผานอร์ทเฮด เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งพบร่าง จอห์นสัน เสียชีวิตอยู่ในบริเวณด้านล่างของผานอร์ทเฮดในเวลานั้น ได้สรุปเหตุการณ์การเสียชีวิตของเขาว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ครอบครัวของจอห์นสันไม่ยอมรับข้อสรุปนี้ และวิพากษ์วิจารณ์การสืบสวนของตำรวจอย่างดุเดือด

ต่อมาในปี 2563 เมื่อตำรวจสอบปากคำ ไวต์ ก็พบข้อมูลใหม่ โดย ไวต์ สารภาพออกมาเองว่าเขาเป็นคนผลัก จอห์นสัน จนตกจากหน้าผา

ไวต์ ซึ่งในปัจจุบันอายุ 51 ปี สารภาพว่าก่อนหน้านี้เขาโกหกเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยบอกว่าเขาได้พยายามช่วยจับตัว จอห์นสัน ที่กำลังตกลงไปจากหน้าผา 

น้องสะใภ้ของ จอห์นสัน ได้กล่าวตำหนิการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ชุดแรกว่า ไม่ได้ดำเนินการสืบสวนอย่างถูกต้องเหมาะสม ไม่สนใจจะปกป้องและด้อยค่าความเป็นมนุษย์ของผู้ตาย ในขณะที่น้องสาวของผู้ตายกล่าวว่าการสรุปว่า จอห์นสัน ฆ่าตัวตายนั้น ไม่มีเหตุผลโดยสิ้นเชิง

ในปี 2555 ทีมสืบสวนอีกทีมหนึ่งสรุปคดีของ จอห์นสัน ว่า เป็นการตายที่มีเงื่อนงำที่ไม่สามารถสรุปแน่ชัดได้ ต่อมาในปี 2560 ได้แก้ไขว่า การตายของ จอห์นสัน เป็นการตกลงจากหน้าผา เนื่องมาจากโดนข่มขู่หรือทำร้ายโดยกลุ่มบุคคลอื่นที่เข้าใจว่าผู้ตายเป็นเกย์ โดยในช่วงปี 2531 มีกลุ่มคนร้ายที่พุ่งเป้าไปที่การทำร้ายชาวเกย์ในซิดนีย์ คนเหล่านี้จะมองหาคนที่เป็นเกย์เพื่อปล้นทรัพย์ ทำร้ายร่างกายหรือแม้กระทั่งฆาตกรรม นอกจากนี้ หน้าผานอร์ทเฮด ยังเป็นสถานที่ที่รู้จักกันดีว่า เป็นจุดนัดพบยอดนิยมของกลุ่มชาวเกย์

ทางด้านอดีตภรรยาของ ไวต์ ได้ให้การต่อศาลว่า อดีตสามีของเธอเคยคุยอวดลูก ๆ ของพวกเขาว่า เขาเคยไล่ตีเกย์คนหนึ่งจนตกหน้าผา และเมื่อเธออ่านเจอข่าวในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการเสียชีวิตของ จอห์นสัน เธอจึงไปถามความจริงจากอดีตสามี และได้คำตอบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของเขา จอห์นสัน วิ่งหนีจนตกลงไปเอง และเธอเป็นคนแจ้งข้อมูลนี้แก่ตำรวจเมื่อปี 2562

อัยการเบร็ตต์ แฮตฟิลด์ อธิบายว่า ไวต์ พบกับ จอห์นสัน ในบาร์แห่งหนึ่งในเขตแมนลีย์ ต่อมาทั้งสองก็ขึ้นไปยังบริเวณหน้าผาด้วยกัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ จอห์นสัน โดนปล้นทรัพย์ อัยการแฮตฟิลด์สรุปว่า จอห์นสัน ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม โดยมีแรงจูงใจจากความรังเกียจบุคคลที่เป็นเกย์ของฆาตกร

ด้านทนายความของ ไวต์ ได้ขอผ่อนผันโทษต่อศาล โดยอ้างว่าลูกความของเขาอายุเพียง 18 ปี ณ เวลาที่เกิดเหตุ และหลังจากนั้นเขาก็ต้องทนทุกข์กับอาการป่วยทางจิตในขณะที่โดนควบคุมตัว อันเนื่องมาจากภาวะบกพร่องทางสติปัญญา เธอยังอ้างอีกว่า ไวต์ เองก็เป็นเกย์ และต้องอดทนใช้ชีวิตร่วมกับพี่น้องที่รังเกียจเกย์และพ่อแม่ที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรังในช่วงวัยรุ่น

หากศาลตัดสินว่า ไวต์ มีความผิดจริง เขาอาจต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิต

แหล่งข่าว : ladbible.com

เครดิตภาพ : Getty Images