เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 74 วันชาติอิสราเอล” ในปี 2565 ซึ่งตามกำหนดของทางอิสราเอลในปีนี้ตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคมที่ใกล้จะมาถึง ในโอกาสนี้ “หนังสือพิมพ์เดลินิวส์” โดย “หน้าวาไรตี้” ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ในการเป็นสื่อกลางบอกเล่าต่อประชาชนคนไทยถึงเรื่องราวของอิสราเอลในรอบปีที่ผ่านมา และ “ความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างไทยกับอิสราเอล” มีใจความดังนี้…..

ฯพณฯ ออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย

“…เนื่องในโอกาสวันชาติของอิสราเอล ที่ปีนี้ตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 โดยจะเป็นวันพิเศษของอิสราเอลและชาวอิสราเอล ด้วยเป็นวันที่เราจะฉลองวันชาติครบปีที่ 74

ปีที่แล้ว การฉลองวันชาติมีขึ้นในเวลาที่เรายังต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ โควิด-19

ปีนี้ เราฉลองวันชาติได้อย่างสุขใจ เพราะเราได้ ผ่านช่วงวิกฤติของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาแล้ว อิสราเอลผ่อนปรนมาตรการป้องกันโรคระบาด ยกเลิกข้อบังคับด้านสาธารณสุขต่าง ๆ ภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวกลับมาดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง และประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทั่วโลกก็เช่นเดียวกัน ที่ได้ผ่อนปรนมาตรการด้านสาธารณสุขในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อันส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวและภาคธุรกิจ ซึ่งก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความก้าวหน้าดังกล่าวนี้จะคงดำเนินต่อไป

ในส่วนภูมิศาสตร์การเมือง เราก็ตั้งตารอคอยต่อสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น การที่ อิสราเอลได้ลงนามข้อตกลงสันติภาพ ประกาศการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับปกติกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ราชอาณาจักรบาห์เรน สาธารณรัฐซูดาน และราชอาณาจักรโมร็อกโก ทำให้เวลานี้เรามีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ กล่าวคือมีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูต และเปิดสายการบินที่บินตรงระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการแนะนำจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ ให้นักท่องเที่ยว ทั้งยังเริ่มศักราชของการค้าขาย การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์

ทัศนียภาพกรุงเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล

ทั้งนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อตกลงอับราฮัม จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาค เป็นความเปลี่ยนแปลงที่จะนำมาซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองทั่วกัน

แม้ว่าประเทศไทยและประเทศอิสราเอลจะอยู่ห่างไกลกัน แต่เราก็มีความสัมพันธ์ฉันมิตรมายาวนาน นับตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ของการก่อตั้งประเทศอิสราเอลเป็นต้นมา ซึ่งก็มิได้เป็นเพียงความสัมพันธ์ในระดับรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังเป็นความสัมพันธ์ในระดับประชาชนด้วย

กรุงเทลอาวีฟ (โดย ดานา ฟรีดแลนเดอร์ กระทรวงท่องเที่ยวอิสราเอล)

ปีที่แล้วสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ในนามของประชาชนชาวอิสราเอล ได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ อันมีนัยสำคัญ เช่น การบริจาคโลหิต การมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบอุทกภัยรุนแรงในจังหวัดนครราชสีมา มอบอุปกรณ์การแพทย์เพื่อสนับสนุนการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มอบโรงเรือนหลายแห่งที่ติดตั้งระบบชลประทานของอิสราเอล รวมทั้งสนับสนุนและร่วมงานมหกรรมอารยสถาปัตย์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวอิสราเอล ทุก ๆ ปี ก่อนมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีชาวอิสราเอลกว่า 2 แสนคนมาเยือนประเทศไทย ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมาก นั่นคือประมาณร้อยละ 2 ของประชากรทั้งหมดของอิสราเอลที่มีไม่ถึง 10 ล้านคน เมื่อประเทศไทยได้ริเริ่มโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ อิสราเอลก็อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะภูเก็ตสูง 

ขณะนี้ ที่เริ่มมีการยกเลิกมาตรการด้านสาธารณสุข ชาวอิสราเอลที่เดินทางมายังประเทศไทยก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทั้งเพื่อธุรกิจและการพักผ่อนหย่อนใจ ด้วยเหตุที่ว่า ชาวอิสราเอลต่างชื่นชอบเสน่ห์ทางวัฒนธรรม ทิวทัศน์อันงดงาม และอาหารเลิศรส ที่สำคัญคือเรารักคนไทย เราประทับใจ การต้อนรับอย่างอบอุ่น และมีไมตรีจิต อันเป็นที่เลื่องลือของคนไทย

ร้านขายเครื่องเทศ ตลาดมาห์เน เยฮูดา กรุงเยรูซาเลม

สำหรับส่วนของธุรกิจนั้น เราได้เห็นความก้าวหน้าระหว่างประเทศทั้ง 2 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการลงนามในข้อตกลงสำคัญ ๆ ระหว่างบริษัทต่าง ๆ ของไทยและอิสราเอล นอกจากนั้นแล้ว ยัง มีการเปิดบริษัทและโรงงานของอิสราเอลอีกเป็นจำนวนมากในประเทศไทย

ทั้งนี้ เป็นภารกิจของข้าพเจ้าที่จะสร้างเสริมความสัมพันธ์ต่าง ๆ ดังได้กล่าวมาแล้ว อันเป็นภารกิจที่ข้าพเจ้าปฏิบัติด้วยความรับผิดชอบอย่างเต็มกำลัง โดยส่วนตัวของข้าพเจ้าและผู้ร่วมงาน การมาประจำการในประเทศไทยมิได้เป็นเพียงการมารับตำแหน่งเท่านั้น แต่ประเทศไทยเปรียบเสมือนบ้าน สถานที่ซึ่งยินดีต้อนรับและมอบความรักแก่เรา

ฯพณฯ ออร์นา ซากิฟ มอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบอุทกภัยที่โคราช

ข้าพเจ้าหวังจะได้เห็นนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจชาวไทยเดินทางไปยังอิสราเอลมากยิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อพบกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของชาวอิสราเอล และความรักที่ชาวอิสราเอลมีต่อชาวไทย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้คือพื้นฐานของโอกาสแห่งความร่วมมือและมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศของเรา

สุดท้ายนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายพระพรชัยมงคลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ…”

…..ทั้งหมดนี้คือการระบุโดย ฯพณฯ ออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยคนปัจจุบัน เนื่องในโอกาสครบรอบ “วันชาติอิสราเอล” ในปี 2565 นี้.

ทีมวาไรตี้
ภัทราพร ไพบูลย์ศิลป