จากกรณีโลกออนไลน์แชร์ภาพของ นายพิษณุ ธนะสังข์ อายุ 48 ปี ชาว อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ก้มกราบแม่ย่านางตามความเชื่อ บริเวณหน้ารถทัวร์โดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น ที่ขับมานานกว่า 7 ปี พร้อมระบุข้อความว่า “…กราบลา ก่อนนะแม่ ชีวิตลูกแย่พาแม่ไปต่อไม่ไหวจริง ๆ…” จากนั้นทำเรื่องลาออก เพื่อขอรับเงินประกันก้อนสุดท้าย จำนวน 30,000 บาท เพื่อมาใช้จ่ายในครอบครัว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
สะเทือนใจ! กราบลาแม่ย่านาง สุดทางชีวิตเดินต่อไม่ไหว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. นายธัชพล ดวงพัตรา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เพชรประเสริฐ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า บริษัทเพชรประเสริฐ มีพนักงานและคนงานกว่า 600 คน เมื่อมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้ง 2 ครั้ง บริษัทได้ลดเที่ยววิ่งลงแต่ก็ยังรับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายสำหรับพนักงาน ทั้ง 600 คน ตามปกติ แต่เมื่อมาเจอการแพร่ระบาดในรอบนี้ บริษัทได้หยุดวิ่งในหลายเส้นทาง แต่ก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับพนักงานของบริษัท โดยเฉพาะในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. ก่อนที่จะมีการหยุดวิ่งทุกเส้นทางนั้น บริษัทต้องรับภาระค่าใช้จ่ายถึงเดือนละ 2.5 ล้านบาท เลยทีเดียว กระทั่งในเดือนกรกฎาคม ได้มีการหยุดวิ่งทุกเส้นทาง
ในกรณีของพนักงานขับรถนั้น มีรายได้ 2 ทางคือ เงินเดือนประจำซึ่งอาจจะไม่มาก กับเงินเบี้ยเลี้ยงในการขับรถแต่ละเที่ยว ซึ่งในแต่ละเดือนเมื่อรวมกันแล้ว ก็จะมากกว่าเงินเดือนหลายเท่า แต่เมื่อมีการหยุดวิ่ง พนักงานก็จะได้รับแต่เงินเดือน ซึ่งก็ไม่มากจึงทำให้พนักงานมีความเดือดร้อน อย่างเช่นในกรณีของ นายพิษณุ ซึ่งคาดว่า มีภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวที่มาก จึงได้มาขอทำเรื่องลาออก เพื่อขอรับเงินประกันคืน
สำหรับเงินประกันนี้ ทางบริษัทจะเรียกเก็บและหักจากเงินเดือนจากพนักงานจนกว่าจะครบตามจำนวนที่ตกลงกัน เมื่อลาออกหลังจากตรวจสอบแล้วว่า ไม่มีภาระหนี้สินกับบริษัท บริษัท ก็จะจ่ายให้ครบตามจำนวนในระยะเวลาไม่เกิน 2 วัน