เมื่อวันที่ 30 เม.ย. น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พร้อมด้วย น.ส.ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ หรือ “จินนี่” ทีมผู้ว่าไทยสร้างไทย ร่วมพูดคุยกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้านแฟชั่นและ ธุรกิจ startup รวมถึงได้ระดมความคิดเพื่อการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์หาเงินเข้าประเทศ

น.ต.ศิธา กล่าวว่า ตนเคยปั้นพื้นที่รกร้างให้เป็นสนามจักรยานระดับโลก นำพื้นที่ที่รกร้างว่างเปล่ามาทำสนามจักรยาน พื้นที่ออกกำลังกาย สนามเด็กเล่นและที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก เมื่อครั้งบริหารบอร์ดการท่าอากาศยานไทย ซึ่งมีผู้ไปปั่นจักรยานมากกว่า 1 ล้านครั้งต่อปี ระยะทางไม่ต่ำกว่า 23.5 กิโลเมตร เฉลี่ยแล้วพัฒนาพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้คนไทยปั่นจักรยานได้เฉลี่ย 30 กิโลเมตรต่อปี โดยภาครัฐไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว แต่มีเอกชนลงขันกันมาลงทุนเกือบ 2 พันล้านบาท

สำหรับในเรื่องการใช้งบประมาณ และการเปิดพื้นที่ เพื่อสร้างโอกาสให้คนตัวเล็กได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้โอกาสในการทำมาหากิน รวมถึงควรปรับบริบทของพื้นที่ เพื่อพัฒนาไปพร้อมกับการสร้างโอกาส สร้างเศรษฐกิจ เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว เช่น การเปิดพื้นที่ที่สามารถนำเสนอไอเดีย และผลงานตัวเองออกมาได้ ตนจึงอยากให้ผสมผสาน Creative กับการท่องเที่ยว เช่น การเชิญศิลปินมาตามเขตต่างๆ ให้ออกมาเพื่อที่จะสร้างเหล่งท่องเที่ยวใหม่ หรือกรุงเทพฯ จะสามารถส่งเสริม และสร้างนักสร้าง creative ในอนาคตได้ รวมถึงการใช้พื้นที่โรงเรียน 437 แห่ง ซึ่งไม่ได้ทำอะไรในช่วงเย็นมาสร้าง creativity ในชุมชนทั้งหมดนี้ อาจจะไม่ใช่บทบาทความเป็นพ่อบ้านของเมืองนี้ แต่เราต้องการ ผู้ว่าฯ ที่คิดต่าง ซึ่งตนยืนยันว่า จะยกระดับเมืองให้คนทุกคนภูมิใจ และทำให้พี่น้อง กทม. ภูมิใจร่วมกัน กับร่วมกันพัฒนาเมือง

น.ต.ศิธา กล่าวด้วยว่า การจะต่อยอดไปถึงจุดนั้นได้ รัฐต้องกล้าที่จะ Liberate ประชาชนจากพันธนาการของความคิดแบบอำนาจนิยมและรัฐราชการ ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินและการดำรงชีวิต พร้อมกับสร้างพลัง Empower ให้กับประชาชนในการรวมตัวกันเพื่อให้มีอำนาจต่อรอง ทั้งกับรัฐราชการ ทุนขนาดใหญ่ และทุนพรรคพวกที่ครอบงำตลาด ครอบงำคนตัวเล็กเพื่อปิดกั้นโอกาสในการสร้างเศรษฐกิจ ให้ประชาชนสามารถลุกขึ้นมาทำมาหากินได้เร็วที่สุดแข็งแรงที่สุดอีกครั้ง

ทางด้าน น.ส.ยศสุดา กล่าวว่ากิจกรรมวันนี้ได้เราเชิญกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่มดนตรี เจ้าของ Brand ไทย ศิลปิน NFT, E-Sport, ชาวสายเขียว กัญชา เพื่อมาพูดคุย หารือ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น กรุงเทพฯ จึงยังไม่สามารถทำให้เป็น Creative City ซึ่งมีคนเป็นศูนย์กลางได้ ซึ่งทุกคนเห็นตรงกันว่าเราอยากได้ผู้ว่าฯ ที่จะให้ทุกคนมีโอกาสที่จะนำเสนอความเป็น Creative ออกมา โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ และผู้นำ ต้องมองเห็นศักยภาพ และสนับสนุนอย่างเต็มที่ เช่น การจัดงานแฟชั่นวีค ที่ไม่ใช่การสนับสนุนเพียงจุดใดจุดหนึ่ง หรือเวทีใหญ่เพียงเวทีเดียว แต่ต้องเปิดโอกาส ให้คนตัวเล็กคนรุ่นใหม่ ได้มีโอกาสสร้างสรรค์ผลงานเพื่อการเติบโตได้.