นายสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือไอทีดี กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มีการจัดตั้งศูนย์ประชาคมข่าวกรองทางการค้า หรือทีไอซี เพื่อคาดการณ์วิเคราะห์ และจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย สำหรับช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดกลาง เล็ก และย่อม หรือเอสเอ็มอี สามารถแข่งขันและรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน

ทั้งนี้ การดำเนินการของศูนย์ประชาคมข่าวกรองทางการค้าปีแรก จะนำร่องทำการศึกษา 3 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อาหาร พลังงาน และเทคโนโลยี เพราะมีเอสเอ็มอีเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก โดยมีการศึกษาเชิงลึกร่วมกับเครือข่ายทางวิชาการ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกหรือข้อมูลข่าวกรองทางการค้าและการตลาด เช่น ข้อมูลการตลาด ข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค และมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี เพื่อมาดำเนินการคาดการณ์ วิเคราะห์มาตรการด้านการค้าการลงทุนในอนาคต และจัดทำเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ที่จะเป็นข้อแนะนำให้กับผู้ประกอบการนำไปใช้ในการปรับตัวและหาโอกาสทางการค้า การลงทุนต่อไป 

นายวิมล ปั้นคง รองผู้อำนวยการ (วิชาการ) ไอทีดี กล่าวว่า ผลการศึกษาพบว่า อุตสาหกรรมอาหาร มีโอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงระยะ 10-20 ปีข้างหน้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาคเกษตร ซึ่งเป็นต้นน้ำ มีแนวโน้มผลผลิตลดลง เพราะประชากรไทยเข้าสู่ภาคการเกษตรลดลง จากอัตราการเกิดต่ำ ดังนั้นจะต้องมีข้อเสนอถึงภาครัฐจะต้องวางแผนว่าจะทำอย่างไรที่จะให้มีผลผลิตป้อนอุตสาหกรรม แต่มีโอกาสมากทั้งอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเฉพาะกลุ่ม อาหารที่มีนวัตกรรม ซึ่งต้องส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อผลิตสินค้าป้อนความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้น

ส่วนพลังงาน มีแนวโน้มเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ คือ การมุ่งพลังงานสีเขียว โดยนโยบายภาครัฐจะต้องให้การสนับสนุนการสร้างพลังงานสีเขียว ไม่ใช่พลังงานจากฟอสซิลแบบเดิม จึงต้องหันมาพึ่งพลังงานสะอาดจากแดด ลม ชีวภาพ และต้องเปิดโอกาสให้รายเล็กมีส่วนร่วมในการผลิตพลังงานสีเขียว และต้องสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าและบริการในทุกภาคส่วน หันมาใช้พลังงานสีเขียว  

สำหรับด้านเทคโนโลยีผลการศึกษาพบว่า เกี่ยวข้องกับทุกอุตสาหกรรม ภาครัฐจะต้องสนับสนุนเอสเอ็มอี ให้เข้าถึงเทคโนโลยี ด้วยการสนับสนุนแหล่งเงินทุน เพื่อช่วยยกระดับการผลิต การทำการค้า เพิ่มโอกาสในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ และต้องสนับสนุนการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดขึ้น

ผลการศึกษาและข้อเสนอแนะจะเสนอให้กับ รมว.พาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สมาคมธนาคารไทย และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนปี 68 จะเพิ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์เข้ามาอีก 1 อุตสาหกรรม เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกัน แต่จะขยายผลการศึกษาไปยังอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งภูมิภาคอนุลุ่มน้ำโขง