กรณีปัญหาผลกระทบจากโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ ป้องกันปัญหาน้ำท่วม 8 โครงการ งบประมาณ 545 ล้านบาท ของ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ถูก 2 บริษัท ประกอบด้วย หจก.เฮงนำกิจ-หจก.ประชาพัฒน์ ที่ชาวบ้านให้สมญานามว่า 2 รับเหมาขาใหญ่ หรือโครงการ 7 ชั่วโคตร เพราะเป็นเครือข่ายเดียวกัน และมีแบ๊กการเมืองระดับประเทศ เพราะมีเส้นสายโยงใยใหญ่โตในกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ที่ชัดเจนว่า แม้จะถูกกรมโยธาฯ ยกเลิก 6 โครงการ คงเหลืออยู่ 2 โครงการ ใน 6 โครงการ กรมบัญชีกลาง ก็ยังไม่มีการแจ้งเวียนเป็นผู้รับจ้างทิ้งงาน เหมือนกับมีการประกาศให้รายอื่นเป็นผู้ทิ้งงาน ที่จะหมดสิทธิในการประมูลงานของรัฐในทุกองค์กร ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ด่วน! DSI รับ “7 ชั่วโคตร” เป็นคดีพิเศษ เดินหน้าสอบ 8 โปรเจกต์ยักษ์ วงเงินกว่า 545 ล้าน

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.กาฬสินธุ์ ตั้งแต่ช่วงเช้า เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 พร้อม นายประเสริฐ บุญเรือง สส.พรรคเพื่อไทย เขต 6 จ.กาฬสินธุ์ นายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.พรรคเพื่อไทย เขต 1 จ.กาฬสินธุ์ นายทินพล ศรีธเรศ สส.พรรคเพื่อไทย เขต 5 จ.กาฬสินธุ์ นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.พรรคภูมิใจไทย จ.กระบี่ และคณะ ลงพื้นที่ปฏิบัติราชการรับฟังปัญหาความเดือดร้อนและรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชน จ.กาฬสินธุ์ มีนางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้บริหารองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง เทศบาลตำบลและองค์การบริหารส่วนตำรวจ และความต้องของประชาชนในพื้นที่กว่า 100 คน โดยมีเครือข่ายภาคประชาสังคม ธรรมาภิบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เครือข่าย ป.ป.ท.จังหวัดกาฬสินธุ์ ประชาชน ให้การต้อนรับและรายงานปัญหาในพื้นที่

โดยในการประชุมงบประมาณ ภาคประชาสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ นายเอกกฤษ สตาเขต ส.อบจ.เขต 1 จ.กาฬสินธุ์ ได้อภิปรายปัญหา 7 ชั่วโคตร พร้อมกับยื่นหนังสือร้องเรียนและแจ้งปัญหาความเดือดร้อน ต่องานก่อสร้างของกรมโยธาธิการและผังเมืองกาฬสินธุ์ ในโครงการก่อสร้างเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม 8 โครงการ งบประมาณ 545 ล้านบาท หรือโครงการ 7 ชั่วโคตร ว่าโครงการนี้ได้สร้างผลกระทบอย่างแสนสาหัสให้กับประชาชนคนกาฬสินธุ์ และทุกโครงการ ผู้รับจ้างไม่มีความสามารถก่อสร้างเสร็จแม้แต่โครงการเดียว ขณะที่มีการแอดวานซ์เงิน 15% เพื่อใช้ในการก่อสร้าง

อีกทั้งยังมีการเบิกจ่ายเงินไปแล้วรวมกว่า 250 ล้านบาท โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ เป็นโครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำฯ งบประมาณ 148 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2562 ได้กระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนในชุมชนเมือง เศรษฐกิจชุมชนพังเสียหาย ถึงแม้จะถูกยกเลิกสัญญาไปแล้วทั้งหมด ผู้รับจ้างตกเป็นผู้รับเหมาทิ้งงาน แต่พบว่าการตรวจสอบโดย 4 หน่วยงานหลัก ประกอบด้วย ป.ป.ช.-ปปง.-สตง.-ดีเอสไอ ยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจน เพราะชาวบ้านได้ร้องเรียนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นมา จนเกรงว่าจะมีการช่วยเหลือเอื้อประโยชน์เนื่องจากผู้รับจ้าง 2 รายนี้ มีเส้นสายทางการเมืองใหญ่โตในกระทรวงมหาดไทย และในกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ที่หากปล่อยไว้ จะทำให้ภาษีของประชาชนได้รับความเสียหาย รวมถึงเจ้าหน้าที่ตรวจรับงานและควบคุมงานก็ยังไม่ถูกตรวจสอบที่ชัดเจนจึงได้เข้ามา

หลังจากรับหนังสือ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ได้ลงพื้นที่ไปดูข้อเท็จจริง ยังจุดงานก่อสร้างในเขตเทศบาล โดยเฉพะบริเวณถนนที่ก่อสร้างใกล้กับศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ ถนนผังเมือง 2 เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ก็พบสภาพปรากฏตามที่ร้องเรียนมา ท่อระบายน้ำถูกเปิดทิ้งเอาไว้และไม่มีการเชื่อมต่อท่อระบายน้ำทุกครั้งที่เกิดฝนตกน้ำ ไม่มีทางระบาย ก็ยังได้ไหลเข้าท่วมชุมชน ที่สร้างความหดหู่ใจต่อ นายพิเชษฐ์ เป็นอย่างมาก ที่ไม่เชื่อว่าผลงานก่อสร้าง จะสร้างผลกระทบให้กับประชาชนเป็นอย่างไม่น่าตกใจ ทั้งนี้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว ก็ได้ออกมาพูดคุยถึงปัญหาการก่อสร้างที่ยังกระทบต่อความเป็นอยู่ทำให้เกิดอุบัติเหตุอีกด้วย

นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 กล่าวว่า การรับฟังปัญหาในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ยังมีปัญหาในเรื่องที่ดินทำกิน ปัญหาความยากจน ซึ่งได้รับฟังจากตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้าว การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงปัญหางบอุดหนุนเฉพาะกิจที่พบว่าไปลงกระจุกอยู่ในจุดๆ เดียว ที่มากจนน่าตกใจนั้น ตนได้นัดที่จะมีการประชุมร่วมกับผู้บริหารท้องถิ่นกันในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ ที่อาคารรัฐสภาจะได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับฟังปัญหาทั้งหมด ส่วนปัญหางานก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร ทราบว่าขณะนี้เรื่องทั้งหมดได้เข้าสู่ กมธ.ป.ป.ช.-กมธ.ติดตามงบประมาณฯ เป็นที่เรียบร้อย และทราบว่าเรื่องนี้ได้เข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาการติดตามของ ป.ป.ช.-ปปง.-สตง.-ดีเอสไอ ติดตามเอาผิดกับคู่สัญญาแล้ว ที่ตนก็จะนำปัญหานี้ไปติดตามว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง หรือ กรมบัญชีกลาง ได้ดำเนินการไปถึงขั้นตอนไหน จะมีการก่อสร้างใหม่ได้อย่างไร รวมถึงขั้นตอนการเรียกเงินคืนทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร ยืนยันว่าจะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด

รายงานแจ้งว่า ปัญหางานก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามสภาพหน้างานทั้ง 8 โครงการ ที่แบ่งแยกผู้รับจ้าง 2 ราย คือ หจก.ประชาพัฒน์ และ หจก.เฮงนำกิจ พบว่า หจก.ประชาพัฒน์ ได้งาน 2 โครงการ คือโครงการป้องกันน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ และโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งหน้าวัดใต้โพธิ์ค้ำ เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ขณะที่ หจก.เฮงนำกิจ ได้งาน 6 โครงการ คือ โครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแก่งดอนกลาง เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์, โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งซอยน้ำทิพย์ เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์, โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งลำน้ำพาน ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์, โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำชี วัดลำชีวนาราม ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย

โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งบ้านหนองหวาย-หนองคล้า ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย และเขื่อนป้องกันตลิ่งวัดใหม่สามัคคี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย สภาพหน้างานไม่เหลือร่องรอยการก่อสร้าง โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นการก่อสร้างตลิ่งทั้งลำน้ำพาน และลำน้ำชี เนื่องจากปริมาณน้ำได้ท่วมพื้นที่ก่อสร้างไปจนหมด ทิ้งเอาไว้ให้ชาวบ้านหวาดผวาว่ าหากเกิดน้ำหลากเข้ามามากกว่านี้ จะทำให้ตลิ่งแตกเกิดน้ำท่วม ไร่ นา บ้านเรือนประชาชน เหมือนกับที่เคยท่วมใหญ่มาหลายครั้ง ขณะที่เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ บ่อชั้นวางท่อก็ยังถูกทิ้งไว้เช่นเดิม ไม่ได้รับการแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นเท่าที่ควร ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจึงเฝ้าติดตามว่าภายใต้รัฐบาลของ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะสามารถสางปัญหานี้ให้กับชาวกาฬสินธุ์ได้หรือไม่