เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา ในคดีอาญาหมายเลขดำ อ.2144/2566 ที่พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บจก.การะเกด เวิลด์แพลน โดย น.ส.กุลสิญา ถมยาปริวัฒน์ ผู้มีอำนาจการทำแทนนิติบุคคล กับพวก รวม 5 คน ประกอบด้วยนายสาธิต ปินขำ และน.ส.กุลสิญา ถมยาปริวัฒน์ ผู้มีอำนาจ, นายสาธิต ปินขำ, น.ส.กุลสิญา ถมยาปริวัฒน์ และนายยุทธพิชัย ชาญเลขา หรือโดโด้ นักแสดง เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน, ความผิดตาม พ.ร.ก.ว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มูลค่าความเสียหายประมาณ 6,000,000 บาท

นายยุทธพิชัย ชาญเลขา หรือ “โดโด้ ยุทธพิชัย” ดารานักแสดง พร้อมทนาย ได้เดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา พร้อมกล่าวว่า ศาลพิพากษายกฟ้องตนซึ่งเป็นจำเลยที่ 5 ทุกข้อหา เพราะว่าตนเป็นเพียงแบรนด์แอมบาสเดอร์ และพรีเซ็นเตอร์ บางครั้งก็ขึ้นเวทีเป็นพิธีกรผู้ดำเนินรายการให้เขา แต่ก็ถูกดำเนินคดีด้วยอาจเป็นเพราะเข้าไปเกี่ยวข้อง ในฐานะที่เป็นภาพลักษณ์ของบริษัท จึงอยากฝากถึงดารานักแสดงหลายๆ ท่าน เวลาไปร่วมงานกับบริษัทใดก็ขอให้พิจารณาให้ละเอียดรอบคอบ ทั้งนี้เข้าใจว่าดารานักแสดงเป็นเพียงแบรนด์แอมบาสเดอร์ เราไม่มีสิทธิรับรู้หรอกว่าบริษัทเขาทำธุรกิจอะไรจริงๆ แค่ไหน ถ้าเขาไปทำอะไรนอกเหนือจากบอกกับเราไว้ แล้วบังเอิญเราไปรับประกันสินค้าหรือบริษัท ก็จะถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้องหรือทำให้ต้องมาวุ่นวายแบบตนเอง

นายยุทธพิชัย กล่าวว่า ขอบคุณผู้พิพากษาศาลอาญาที่ให้ความยุติธรรมให้ตนเองได้พิสูจน์ความจริงว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับบริษัทดังกล่าว เป็นแค่ผู้รับจ้างทำหน้าที่แบรนด์แอมบาสเดอร์เท่านั้น สัญญาจ้าง 1 แสนบาท และตนเองก็เป็นผู้เสียหายด้วย สำหรับคดีนี้ผู้เสียหายเกือบ 30 คน ตอนแรกก็แจ้งความดำเนินคดีบริษัทแต่คดีไม่คืบหน้า สุดท้ายก็ดำเนินคดีตนเองด้วย ทำให้เป็นกระแสข่าวดังขึ้นมา และคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด ตนเองก็รำคาญใจ ทุกข์ใจว่าทำไมเราต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยและช่วงที่มีการพิจารณาคดีก็วุ่นวายมาก แต่โชคดีที่ได้ทนายความและน้องๆ จากคณะนิติศาสตร์ ม.เชียงใหม่ มาช่วยตรวจดูเอกสารเพื่อใช้พิสูจน์ความจริงในการสืบพยานของศาล ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ในกระบวนการยุติธรรม ส่วนจะอุทธรณ์คดีหรือไม่ ก็อยู่ที่พนักงานอัยการ แต่ก็พร้อมพิสูจน์ความจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลพิพากษาลงโทษ จำเลยที่ 1-4 ว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.ก.ว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ แล พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ลงโทษปรับจำเลยที่ 1, 2 ในความผิดตาม พ.ร.ก.ว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน รายละ 500,000 บาท และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ปรับ จำเลยที่ 1, 2 รายละ 50,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 3, 4 กระทำผิดลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 30 กระทง จำคุก 150 ปี แต่ตามกฎหมายลงโทษจำคุก 20 ปี สำหรับนายยุทธพิชัย หรือโดโด้ จำเลยที่ 5 พิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานยังมีข้อพิรุธสงสัยตามสมควร จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย