เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ก.ย. ที่ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า กรุงเทพมหานคร และกล่าวปาฐกถา หัวข้อ “จาก 30 บาทรักษาทุกโรค สู่ 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า” 

โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข นายเผาภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง  พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี  รองประธานที่ปรึกษา นโยบายของนายกรัฐมนตรี ผู้อยู่เบื้องหลังการผลักดันโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค  และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมด้วย

โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า กทม.มีโรงพยาบาลชั้นดีจำนวนมาก แต่ก็มีประชากรแฝงถึง 10 ล้านคน ขณะที่ปัญหาสาธารณสุขไม่ได้น้อยกว่าจังหวัดอื่น หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ดังนั้นโครงการนี้สำคัญมากๆ โดยมี 3 ปัจจัยหลักที่สำคัญ คือ 1. ใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมโยง 2. การเชื่อมโยงข้อมูลโรงพยาบาล และ 3. ระบบปฐมภูมิที่เข้มแข็ง อาทิ มีหน่วยสาธารณสุขนวัตกรรม ร้านขายยาที่ใกล้บ้าน ทำให้ประชาชนไม่ต้องตื่นมาตี 3 ตี 4 เพื่อไปรอคิวการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลใหญ่ นี่คือหัวใจของ 30 บาทรักษาทุกที่

ขณะที่นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่มีเป้าหมายยกระดับบริการสุขภาพภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้คนไทยได้รับบริการที่ดีครอบคลุม มีคุณภาพมีมาตรฐานที่ดีขึ้น การขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวแบ่งออกเป็น 4 ระยะ โดยระยะแรกเดือน ม.ค. 2567 นำร่อง 4 จังหวัดระยะที่ 2 เดือน มี.ค. 2567 เพิ่มเติม 8 จังหวัดและระยะที่ 3 เดือน พ.ค. 2567 เพิ่มเติมอีก 33 จังหวัดและวันนี้กรุงเทพมหานครเป็นจังหวัดที่ 46 ที่จะเริ่มนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ โดยกระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายที่จะขยายให้ครอบคลุมทุกจังหวัดภายในปีนี้เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยทั้งประเทศการคิกออฟ 30 บาทรักษาทุกที่  เพื่อช่วยให้ประชาชนในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะมีสิทธิบัตรทองที่จังหวัดใด เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียวก็สามารถเข้าถึงการรับบริการสุขภาพได้ทั้งที่หน่วยบริการประจำตามเขตและหน่วยบริการระดับปฐมภูมิทุกแห่ง ได้แก่ ศูนย์บริการสาธารณสุข 19 แห่ง ศูนย์บริการสาธารณสุขสาขา 77 แห่งคลินิกชุมชนอีก 280 แห่ง รวมถึงสามารถเข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการนวัตกรรมปฐมภูมิที่มีตราสัญลักษณ์ 30 บาทรักษาทุกที่

ด้านนายกฯ กล่าวว่า พูดถึง 30 บาทรักษาทุกโรคก็ทำให้เกิดภาพมากมาย ตนได้ยินนโยบายนี้มาตั้งแต่อายุประมาณ 8-9 ขวบและไม่ว่าจะไปที่ไหน ผ่านมาแล้วเป็นสิบๆ ปี ก็ยังมีคนขอบคุณและพูดถึงนโยบายนี้เสมอ  ซึ่งดิฉันเองมีประสบการณ์ดีๆ หลายอย่าง ขอยกตัวอย่างสั้นๆ วันหนึ่งคุณพ่อตอนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้กลับมาที่บ้านทานข้าวเย็นกันปกติ คุณพ่อบอกว่าไปต่างจังหวัดมามีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาหาและเปิดเสื้อมีแผลยาวตั้งแต่ด้านบน ถึงช่วงท้อง และบอกว่าได้ผ่าตัดหัวใจมาด้วยบัตร 30 บาท ซึ่งคุณพ่อเล่าด้วยความภาคภูมิใจอย่างมาก ซึ่งวันนั้นคุณพ่อเป็นหัวหน้ารัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เบื้องหลังการทำงานยังมีคนอื่นอีกมากมายที่ทำให้นโยบายนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ รวมถึงให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ 30 บาท ไม่ต้องล้มละลาย ไม่ต้องจ่ายเงินมากมาย กู้หนี้ยืมสินมาตั้งแต่ที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลในวันนั้น จนมาถึงรัฐบาลเพื่อไทยในวันนี้ เรามีความภูมิใจอย่างมากกับนโยบายที่สร้างความภาคภูมิใจอย่างที่สุดให้กับเรา ฉะนั้นมาถึงวันนี้ถึงเวลาแล้วเราจะต่อยอด 30 บาทรักษาทุกโรคให้เป็น 30 บาทรักษาทุกที่

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า กรุงเทพมหานคร

นายกฯ กล่าวต่อว่า เวลาผ่านไปมีนวัตกรรมต่างๆ มากขึ้น เราได้เก็บตัวอย่างทั้งข้อดีและข้อเสียพร้อมที่จะปรับปรุง อย่างที่บอกผ่านมาแล้วตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ 23 ปี วันนี้ 30 บาทรักษาทุกที่มาถึงกรุงเทพฯ วันนี้ถือว่ากรุงเทพฯ ยังขาดแคลนในเรื่องของบริการสาธารณสุขระดับต้นและระดับกลางมากกว่าต่างจังหวัด ซึ่งตอนนี้กรุงเทพฯ ควรมีศูนย์บริการสาธารณสุข 500 แห่ง และโรงพยาบาลชุมชน 50 แห่ง หากเราป่วยขั้นพื้นฐานและสามารถเข้าในคลินิกหรือร้านขายยาควรที่จะได้การรักษาในแบบเดียวกัน นั่นคือการได้รับยาที่มีคุณภาพ ไม่ต้องเสียเวลาที่โรงพยาบาลใหญ่ และบุคลากรทางการแพทย์ก็ต้องทำงานหนักขึ้น เมื่อเวลาที่เราป่วยเล็กๆ น้อยๆ ดูแลทั้งหมดเท่ากัน เพราะโรงพยาบาลใหญ่ๆ เองเหมาะสำหรับโรคที่เป็นเฉพาะทางและโรคที่ร้ายแรงอย่างเช่น โรคมะเร็ง หัวใจ หรือไต ต่อไปนี้คนเจ็บป่วยเล็กน้อยในกรุงเทพฯ สามารถไปร้านขายยาใกล้บ้าน คลินิกเวชกรรมใกล้บ้าน ทันตกรรมใกล้บ้าน รถโมบายตรวจเลือดที่บางครั้งอาจจะมีการเข้าไปถึงชุมชน  และเวลาขอเบิกยาหมอสามารถออนไลน์ถามอาการได้ เพื่อให้ได้ยาที่มีคุณภาพกลับบ้านเช่นกัน 30 บาทรักษาทุกที่ให้บริการในทันที ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย 

นายกฯ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้การดำเนินงานตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา 30 บาทรักษาทุกที่ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากและมีผลงาน 1 ใน 4 ของผู้ป่วยเลือกใช้บริการที่คลินิกเอกชนใกล้บ้านแทนการมาโรงพยาบาล เพื่อลดความแออัด ลดระยะเวลาการรอตรวจ ลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ ที่สำคัญลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาโรงพยาบาล โดยเฉลี่ย 160 บาทต่อครั้ง ลดระยะเวลาในการรอถึง 50% จากเฉลี่ย 2 ชั่วโมงเหลือประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อรักษาใกล้บ้านก็จะลดภาระการขาดงานของผู้ป่วยและญาติที่มาด้วยกัน และที่สำคัญประชาชนผู้เข้ารับบริการกว่า 98% พึงพอใจกับนโยบายนี้อย่างมาก 30 บาทรักษาทุกที่

นายกฯ กดปุ่ม 30 รักษาทุกที่คนกรุงเทพฯ เผยประชาชนพอใจนโยบาย 98%

“สุขภาพดีเริ่มที่ใกล้บ้านได้สำเร็จ ทำให้ 30 บาทรักษาทุกที่ ขยายเป็น 46 จังหวัดเรียบร้อย อยากขอให้พี่น้องประชาชนคนไทยมั่นใจได้ว่าภายในปี 2567 รัฐบาลจะสามารถขยาย 30 บาทรักษาทุกที่ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทุกตารางนิ้วบนประเทศไทย เพื่อให้คนไทยเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ดูแลและขอย้ำอีกครั้ง สำหรับคนกรุงเทพฯ สามารถดูสัญลักษณ์ 30 บาทรักษาทุกที่และเข้าไปใช้บริการได้ทันที” นายกฯ กล่าว

จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมบูธเกี่ยวกับสุขภาพ ภายในงาน โดยนายกฯ เน้นย้ำขอให้ดูแลกลุ่มเปราะบางเป็นพิเศษในพื้นที่น้ำท่วม.