เมื่อวันที่ 24-25 กันยายน ที่ผ่านมา  เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้จัดกิจกรรมทดสอบการขับขี่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Mercedes-Benz Driving Events 2024” ชวนสื่อมวลชน ร่วมสัมผัสประสบการณ์ตรงบนแทร็คสนามแข่งระดับโลก พร้อมกับสุดยอดยนตรกรรมกว่า 24 รุ่น โดยขนทัพรถสมรรถนะสูงในตระกูล Mercedes-AMG มาด้วยกันถึง 8 รุ่น โดยนำทัพด้วยรุ่นล่าสุดอย่าง Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé และ Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ รวมถึงรถยนต์สปอร์ตคูเป้ CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นล่าสุดอย่าง EQE 300

สำหรับผู้ร่วมกิจกรรมจะได้ฝึกทักษะและเรียนรู้เทคนิคการขับขี่ขั้นสูง จากทั้งผู้ฝึกสอนดีกรีแชมป์โลก ตำนานมอเตอร์สปอร์ต และผู้ฝึกสอนระดับแนวหน้าของประเทศไทย ที่มาร่วมการทดสอบและจำลองการแข่งขันจริงบนสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำทั้ง 2 วัน สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ตื่นเต้นเร้าใจยิ่งขึ้น เพราะการบังคับควบคุมรถที่มากด้วยสมรรถนะสูงให้เชื่องได้นั้นย่อมไม่ธรรมดา

เซอร์ไพรส์พิเศษเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้นำ Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ Final EDITION ว่าที่ตำนานแห่งรถสปอร์ตคูเป้ 4 ประตู รุ่นสุดท้ายในประเทศไทย มาเผยโฉมครั้งแรกบนสนามแข่ง มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่เอาใจสาวก AMG เสริมความดุดันขั้นสุดด้วยชุดแต่ง AMG Night Package II และล้ออัลลอย 5-twin spoke สีดำ ขนาด 20 นิ้ว พร้อมคาลิเปอร์สีแดงประทับสัญลักษณ์ AMG จัดเต็มด้วยแพ็กเกจเสริมของ Mercedes-AMG อย่าง AMG Performance exhaust system และ AMG DYNAMIC PLUS package ที่มาพร้อมโหมด RACE และ Drift mode รวมถึงการติดตั้งไฟส่องสว่างใต้กระจกมองข้าง Surround lighting with projection ฉายภาพโลโก้ AMG โดยในช่วงเปิดตัวจะมาพร้อมราคาจำหน่ายที่ 5.48 ล้านบาท

สำหรับกิจกรรม Mercedes-Benz Driving Events ประกอบไปด้วยสถานีทดสอบการขับขี่ทั้งหมด 4 สถานี ดังนี้ ประกอบด้วย สถานีที่ 1 “Motor Khana” สถานีการทดสอบที่มีสิ่งกีดขวางมากมาย ซึ่งบังคับให้ผู้ขับขี่ต้องสร้างความสมดุลระหว่างความเร็ว ความคล่องตัวและความปลอดภัยในการขับขี่ โดยมีหัวใจสำคัญคือการควบคุมการทรงตัวของรถ การบังคับทิศทางของพวงมาลัย การกะระยะและจังหวะเบรก รวมถึงการเติมคันเร่งในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อฝ่าฟันทุกสิ่งกีดขวางไปได้อย่างปลอดภัยในระยะเวลาที่สั้นที่สุด สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในสถานีนี้ ได้แก่ CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic, C 220 d AMG Line, C 350 e AMG Dynamic, CLS 220 d AMG Premium, E 220 d AMG Line และ E 350 e AMG Dynamic  

สถานีที่ 2 “Brake & Avoid” สถานีการทดสอบระบบเบรกและระบบความปลอดภัยของตัวรถ รวมถึงการทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ท้าทายต่อผู้ขับขี่ เพื่อทำให้ผู้ขับขี่คุ้นชินกับระยะเบรกของรถและระบบความปลอดภัยที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ขับขี่ในสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ โดยแบ่งการทดสอบเป็น 2 ส่วน คือ การทดสอบเบรกทางตรง และ การทดสอบเบรกแบบหักหลบสิ่งกีดขวาง ด้วยพิกัดความเร็ว 80 กม./ชม. และ 100 กม./ชม. ตามลำดับ สถานีนี้ต้องอาศัยทักษะการขับขี่และความเร็วในการตอบสนองต่อสัญญาณไฟที่ปรากฏอยู่บนเสาสถานี เพื่อเบรกฉุกเฉินพร้อมหักหลบไปยังทิศทางที่กำหนดไว้ สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในสถานีนี้ ได้แก่ GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic, GLC 350 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic, GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic, GLE 300 d 4MATIC AMG Line และ GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic

สถานีที่ 3 “Drag Race” สถานีการทดสอบที่ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสถึงสมรรถนะอันทรงพลังของรถในตระกูล Mercedes-AMG ด้วยการจำลองการแข่งทางตรงในระยะสั้น โดยนอกจากการเร่งความเร็วแบบเต็มสูบ ตั้งแต่จังหวะการออกตัวเพื่อทิ้งห่างคู่แข่ง เมื่อใกล้ถึงจุดที่กำหนด ผู้ขับขี่จะต้องกะระยะเบรกให้รถหยุดนิ่งในตำแหน่งที่ถูกต้อง เพื่อชนะการแข่งขันในแต่ละรอบ สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในสถานีนี้ ได้แก่ Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+, Mercedes-AMG G 63, Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé, Mercedes-AMG GLE 53 HYBIRD 4MATIC+ และ Mercedes-AMG SL 43

สถานีที่ 4 “Cornering” สถานีการทดสอบที่เน้นทักษะการเข้าโค้งและสร้างความคุ้นเคยกับเส้นทางคดเคี้ยว ในช่วงครึ่งหลังของสนามช้างฯ ซึ่งมีรูปแบบของโค้งที่หลากหลายและให้ความรู้สึกท้าทายในรูปแบบที่ต่างกัน โดยมีเป้าหมายในการขับขี่ผ่านโค้งต่างๆ อย่างรวดเร็ว และปลอดภัยที่สุด ซึ่งผู้ฝีกสอนจะคอยแนะนำขั้นตอนทั้งหมด ตั้งแต่จังหวะการเบรกก่อนเข้าโค้ง การลดรัศมีของโค้ง วิธีการมองจุดตัดยอดโค้ง จนไปถึงการหาทางออกและจังหวะการออกรถเมื่อพ้นโค้ง โดยทุกเทคนิคสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งการขับขี่บนสนามแข่งและการขับขี่บนถนนในชีวิตประจำวัน สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในสถานีนี้ ได้แก่ EQE 300, EQS 500 4MATIC SUV AMG Dynamic, EQE 350 4MATIC SUV AMG Line, EQE 350 4MATIC SUV Electric Art และ EQS 500 4MATIC AMG Premium

อย่างไรก็ตามเมื่อฝึกทักษะจนครบหลักสูตรทั้ง 4 สถานี เรียกว่าจะได้ลงสนามจริงเพื่อขับขี่แบบ Full Lap ในรอบ Lead & Follow และ Racetrack Experience ซึ่งจะมีผู้ฝึกสอนเป็นผู้ขับนำและขับขี่ตาม Racing Line ที่ถูกต้อง โดยจะมีการแบ่งกลุ่มการขับขี่เป็นกลุ่มๆ ด้วยรถที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกัน และในแต่ละรอบผู้ขับขี่จะได้สับเปลี่ยนกันขับยนตรกรรมหลากหลายรุ่น สัมผัสความแรงทุกรูปแบบในทุกพิกัดตัวถังของยนตรกรรมจากเมอร์เซเดส-เบนซ์

บทสรุปกิจกรรม Mercedes-Benz Driving Events 2024 ครั้งที่ 20 ยิ่งเพิ่มความสนุกตื่นเต้น เพิ่มทักษะการควบคุมรถในหลากหลายรูปแบบและตอบสนองให้ได้ดั่งใจ กับนวัตกรรมยานยนต์ตัวแรง ทั้งตระกูลสปอร์ต เอเอ็มจี ไฟฟ้า จัดมาให้ลองแบบเต็มๆ 24 คัน ให้อารมณ์แตกต่างกันไปแต่ละเซ็กเมนต์ สุดท้ายขึ้นอยู่จริตของแต่ละคนว่าชื่นชอบรถสไตล์ไหน ที่สำคัญทดลองขับก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ.