สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ว่าทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ( ไอเออีเอ ) เผยแพร่รายงาน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่าอิหร่านเริ่มกระบวนการผลิตโลหะยูเรเนียมที่มีความบริสุทธิ์สูงสุด 20% อีกครั้ง ที่โรงงานในเมืองเอชฟาฮาน ทางตอนกลางของประเทศ หลังเดินหน้าเสริมสมรรถนะยูเรเนียมอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นปีนี้
แม้ข้อมูลดังกล่าวซึ่งไอเออีเอยืนยันว่า เป็นการ "แจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการ" จากรัฐบาลเตหะราน ยังห่างไกลจาก "ยูเรเนียมเกรดอาวุธ" ซึ่งใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ที่ต้องมีความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 90% อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือว่า สูงเกินเกณฑ์ที่ไอเออีเอระบุไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ ฉบับปี 2558 "อย่างมาก"
ขณะที่นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ไม่ได้ให้ความเห็นต่อประเด็นนี้มากนัก แต่กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน "ที่กำลังก้าวถ้อยหลัง" จะมีผลต่อการตัดสินใจของรัฐบาลวอชิงตัน ว่าจะหวนกลับเข้าร่วมเป็นภาคีของข้อตกลงอีกครั้งหรือไม่ หลังถอนตัวออกไป เมื่อเดือนพ.ค. 2561 ในสมัยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสหรัฐกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวต่ออิหร่านจนถึงปัจจุบัน
ด้านฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ว่าโครงการวิจัยด้านนิวเคลียร์พลเรือนของอิหร่าน "ไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อย" ที่จะต้องอาศัยการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม และการผลิตโลหะยูเรเนียม การที่รัฐบาลเตหะรานดำเนินการเช่นนี้ ย่อมจะมีผลต่อการเจรจาที่กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย ซึ่งรอบแรกเกิดขึ้นเมื่อเดือนเม.ย. แต่ระงับไปตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะกลับมาหารือกันอีกเมื่อใด.

เครดิตภาพ : REUTERS