สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ว่าประธานาธิบดีอีโมมาลี รัคห์มอน ผู้นำทาจิกิสถาน ประเทศซึ่งมีพรมแดนทางตอนใต้ติดกับอัฟกานิสถาน มีคำสั่งยกระดับมาตรการควบคุมและรักษาความปลอดภัยในบริเวณดังกล่าวเป็นชั้นสูงสุด ที่รวมถึงการระดมทหารกองหนุนรวม 20,000 นาย กระจายกำลังลาดตระเวนในพื้นที่
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่กลุ่มตาลีบันใกล้ยึดครองจังหวัดบาดักห์ชาน ที่อยู่ทางตอนเหนือของอัฟกานิสถานได้เกือบทั้งหมด ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของอัฟกานิสถาน ทั้งทหารและตำรวจหลั่งไหลหลบหนีข้ามพรมแดนเพื่อขอลี้ภัยเป็นการชั่วคราวในทาจิกิสถาน 
ในเวลาเดียวกัน ตุรกีและรัสเซียประกาศปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองมาซาร์-อี-ชารีฟ ซึ่งเป็นเมืองเอกของจังหวัดบัลค์ ตั้งอยู่ในเขตทางเหนือของอัฟกานิสถาน และอพยพนักการทูตบางส่วนออกจากพื้นที่ ขณะที่อิหร่าน อินเดีย ทาจิกิสถาน ปากีสถาน และอุซเบกิสถาน ลดระดับการให้บริการของสถานกงสุลในเมืองแห่งนี้เช่นกัน ที่โดยปกติเป็นหนึ่งในพื้นที่ไม่กี่แห่งในอัฟกานิสถาน ซึ่งมีบรรยากาศค่อนข้างสงบ
บรรยากาศที่ฐานทัพอากาศบาแกรม หลังสหรัฐถอนกำลังพลและสรรพาวุธ
ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน กองทัพสหรัฐส่งมอบฐานทัพอากาศบาแกรม ซึ่งเป็นฐานทัพขนาดใหญ่ที่สุดในอัฟกานิสถาน กลับคืนให้แก่รัฐบาลคาบูล ซึ่งกลุ่มตาลีบัน "แสดงความพึงพอใจ" แต่ยื่นคำขาดว่า หลังวันที่ 11 ก.ย.ปีนี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 20 ปี เหตุวินาศกรรม 9/11 ต้องไม่มี "ทหารต่างชาติ" และ "เจ้าหน้าที่พลเรือนด้านความมั่นคงที่เป็นต่างชาติ" ประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานอีกต่อไป.

เครดิตภาพ : AP