สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เมื่อวันที่ 6 ก.ค.โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวด้านความมั่นคงของอิรัก ว่าระบบป้องกันทางอากาศซึ่งติดตั้งอยู่ภายในสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำกรุงแบกแดด ยิงสกัดอากาศยานไร้คนขับติดอาวุธลำหนึ่ง ซึ่งมีทิศทางเข้ามายังอาณาเขตของสถานเอกอัครราชทูต เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เบื้องต้นยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับความเสียหาย และความสูญเสียต่อชีวิตของบุคคลใด
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังกองกำลังไม่ทราบฝ่ายยิงจรวด 3 ลูก โจมตีฐานทัพเอน อัล-อาซาด ทางตะวันตกของอิรัก ซึ่งทหารอเมริกันจำนวนหนึ่งประจำการร่วมกับทหารของอิรัก หลังเกิดเหตุยังไม่มีรายงานยืนยันผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ
นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ทรัพย์สินของสหรัฐในอิรักตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีแล้วอย่างน้อย 47 ครั้ง โดยสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงแบกแดด และฐานทัพเอน อัล-อาซาด คือสองเป้าหมายหลัก ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า มีความพยายามโจมตีด้วยโดรนติดอาวุธอย่างน้อย 6 ครั้ง ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากโดรนประเภทนี้ยังคงสามารถหลุดรอดการตรวจจับของระบบป้องกันทางอากาศได้
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐประกาศ พร้อมมอบรางวัลสูงสุด 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 96.4 ล้านบาท ) ให้แก่บุคคลใดก็ตาม ที่สามารถแจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ เกี่ยวกับแผนการโจมตีสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงแบกแดด ฐานทัพ และทรัพย์สินอื่นของสหรัฐในอิรัก
อนึ่ง กองทัพสหรัฐปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ "อย่างจำเพาะเจาะจง" ต่อเป้าหมาย 2 แห่งในซีเรีย และอีกแห่งหนึ่งในอิรัก เมื่อปลายเดือนที่แล้ว  หลังข้อมูลข่าวกรองยืนยันว่า กองกำลังติดอาวุธใช้สถานที่เหล่านั้นเป็นแหล่งซ่องสุมกำลังพลและอาวุธ แล้วใช้อากาศยานเคลื่อนที่แบบไร้คนขับโจมตีทหารและทรัพย์สินทางทหารของสหรัฐในอิรัก โดยการโจมตีครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ตามคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต่อจากปฏิบัติการครั้งแรกในซีเรีย เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES