เมื่อวันที่ 25 เม.ย. นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัด กทม. พร้อมด้วย ดร.ถวิลวดี บุรีกุล รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ร่วมเวทีเสวนา “เลือกตั้ง 66 เตรียมตัวพร้อมหรือยัง” ในหัวข้อ ความพร้อมของ กทม. ในการจัดการเลือกตั้ง และการเตรียมความพร้อมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งและการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง 

นายชาตรี กล่าวถึงความพร้อมในส่วนการนับคะแนน คาดว่าจะทราบผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ไม่เกินเวลา 21.00 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งที่ผ่านมา กทม.ได้มีการหารือถึงแนวทางที่อยากให้มีการรายงานผลคะแนนได้อย่างรวดเร็วขึ้น พร้อมทำหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขณะนี้อยู่ระหว่างรอคำตอบว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง อย่างไรก็ตาม กรณีประชาชนพบเห็นการกระทำผิด หรือความไม่เป็นกลางในการเลือกตั้งที่บริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้ง สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย

ส่วนประชาชนที่กระทำการสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เช่น การฉีกบัตรเลือกตั้ง การถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้ว จะมีความผิดตามกฎหมาย โดย กกต.จะทำการสืบสวนสอบสวนตามกฎหมาย ดังนั้น ขอให้ประชาชนระมัดระวัง ขณะนี้เตรียมการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ รวมถึงกรณีเกิดฝนตก หรือเหตุอื่นไว้ด้วย

ด้าน ดร.ถวิลวดี กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นเบื้องต้นของคน กทม. พบว่าให้ความสนใจการเลือกตั้งระดับปานกลาง อยู่ที่ประมาณ 4.8 จาก 10 ส่วนใหญ่รู้ว่าจะเลือกใคร โดยดูจากตัวพรรคการเมืองเป็นหลักประมาณ 30% รองลงมาเป็นหัวหน้าพรรค ตามมาด้วยนโยบาย และตัวผู้สมัคร ส่วนผู้สมัครตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญเป็นอันดับ 6

ทั้งนี้ พร้อมไปลงคะแนนคิดเป็น 88.5% ส่วนใหญ่จะเลือกผู้สมัครโดยดูจากการศึกษา วิสัยทัศน์ มีความสามารถแก้ปัญหาได้ ซื่อสัตย์ ไม่ทุจริต เป็นต้น 

ดร.ถวิลวดี ยังกล่าวเพิ่มว่า ในการหาเสียงเลือกตั้งมีหลายรูปแบบ การใช้สิทธิเลือกตั้งต้องใช้วิจารณญาณ ใช้สติปัญญาในการคิด เพราะใกล้เลือกตั้งจะมีข่าวลือ ข่าวปลอม ข่าวบิดเบือนเยอะมาก เพื่อตัดคะแนนเสียงของผู้สมัครคนอื่น นอกจากนี้คน กทม. รู้ว่าการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ แต่จะไม่ค่อยมีส่วนร่วมด้านอื่นนอกจากการออกไปใช้สิทธิ เช่น การพูดคุยหรือชักชวนไปเลือกตั้งมีน้อย และพบเห็นการกระทำผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่ไม่มีการแจ้งเหตุดังกล่าว เป็นต้น พร้อมย้ำ ประชาชนสามารถช่วยกันเป็นอาสาสมัครติดตามตรวจสอบเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างมีความบริสุทธิ์ ยุติธรรมได้

“การเลือกตั้งครั้งนี้คน กทม.เชื่อว่าจะมีการซื้อเสียงค่อนข้างเยอะ และจะเห็นการหาเสียงแบบธรรมชาติเยอะขึ้น เช่น การแชร์โพสต์ เป็นต้น ซึ่งบางคนอาจจะช่วยหาเสียงแบบไม่รู้ตัวก็ได้ โดยคุณลักษณะของ ส.ส.ที่คน กทม.อยากจะเลือก คือ ทำเพื่อส่วนร่วม คิดเพื่อส่วนรวม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ดูถูกเพศอื่น แก้ปัญหาประเทศชาติยามวิกฤติได้ เข้าถึงได้สม่ำเสมอไม่ใช่แค่ช่วงเลือกตั้ง และเมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นประชาชนยังสามารถติดตามตรวจสอบการทำงานได้”.