สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ว่ามหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดของสหราชอาณาจักร เปิดเผยรายงาน “คอม-ซีโอวี” ( Com-COV )  ที่เป็นการศึกษาการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ต่างยี่ห้อ 2 โดส โดยวัคซีนซึ่งใช้ในการทดสอบ คือวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด พบว่า การที่ผู้รับวัคซีนโด๊สแรกของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด รับวัคซีนโดสที่สองเป็นของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค หลังผ่านไป 4 สัปดาห์ สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกัน “ได้ดีกว่า” การฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด ทั้งสองโด๊ส

ขณะที่การฉีดวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ทั้งสองโด๊ส สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน “ในระดับสูงสุด” อย่างไรก็ตาม คณะทำงานกล่าวว่า การศึกษายังคงต้องดำเนินต่อไปอย่างครอบคลุมและละเอียด เนื่องจากการทดสอบครั้งนี้อาศัยอาสาสมัครเพียง 830 คน นอกจากนี้ ยังไม่มีการอนุมัติอย่างเป็นทางการในระดับองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) และองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป ( อีเอ็มเอ ) เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนสองเข็มต่างยี่ห้อ แม้บางประเทศในยุโรปเริ่มเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกฉีดวัคซีนต่างยี่ห้อแล้วก็ตาม


ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดยังเผยผลการศึกษาเบื้องต้นอีกเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับการให้ผู้ที่รับวัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด แล้ว 2 เข็ม เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม หรือ “บูสเตอร์”  ที่ยังคงเป็นวัคซีนยี่ห้อเดิม ว่าสามารถเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันได้ และการฉีดเข็มที่สองสามารถเว้นระยะเวลาได้นานถึง 45 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม คณะทำงานเรื่องนี้ยังคงเน้นย้ำเช่นกัน ว่าการศึกษายังคงต้องดำเนินต่อไปอีก เนื่องจากใช้อาสาสมัครเพียง 30 คน เข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด แบบทิ้งช่วงนานขึ้นในโด๊สที่สอง และกลุ่มตัวอย่างอีก 90 คน ให้ทดลองรับวัคซีนโด๊สที่สาม โดยทุกคนมีอายุไม่เกิน 55 ปี.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES