สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ว่า สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ ( พีเอชอี ) ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร เผยแพร่รายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด ว่าการฉีดวัคซีน 1 โด๊สของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค มีประสิทธิผล 57-61% ในการป้องกันการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการในบุคคลอายุตั้งแต่ 70 ปี
 
ขณะที่การฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ ในบุคคลอายุตั้งแต่ 70 ปี ในอัตราระหว่าง 60-73% หลังการฉีดโด๊สแรก และโดยสรุปพบว่า การฉีดวัคซีนยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งตั้งแต่เข็มแรก สามารถลดอัตราการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ด้วยอาการหนักจากโรคโควิด-19 ในกลุ่มผู้มีอายุ 80 ปีขึ้นไป ได้มากถึง 80% อย่างไรก็ตาม วัคซีนทั้งสองยี่ห้อต้องฉีด 2 โด๊ส ทิ้งระยะห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์

นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในกลุ่มประชากรอายุมากกว่า 80 ปี ได้ประมาณ 83% แต่ยังไม่มีข้อมูลของวัคซีนแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด เนื่องจากเริ่มการทดสอบช้ากว่า และการทดสอบประสิทธิผลของวัคซีนทั้งสองชนิด ที่มีต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ชนิดกลายพันธุ์จากบราซิล ยังคงต้องมีการวิจัยอย่างละเอียด
 
อนึ่ง หลายประเทศในทวีปยุโรปยังคงจำกัดการใช้งานวัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด ในประชาชนซึ่งมีอายุตั้งแต่ 65 ปี เนื่องจากข้อมูลการทดสอบทางคลินิกของวัคซีนชนิดนี้ ที่มีต่อกลุ่มตัวอย่างสูงอายุ “ยังคลุมเครือ”.

เครดิตภาพ : REUTERS