สืบเนื่องจากสมาชิกสภาเทศบาลเมืองผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นผู้ดูแลบ้านขุนพิทักษ์บริหาร ออกมาคัดค้านแนวทางของกรมธนารักษ์ ที่เตรียมนำร่อง บ้านเขียวขุนพิทักษ์บริหาร เปิดให้เอกชนเช่าพัฒนาเป็น โรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และ เสนอให้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แล้วให้ชาวบ้านอำเภอผักไห่มาร่วมกันพัฒนานำสินค้าพื้นเมืองมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว
น.ส.อมรรัตน์ กล่ำพลบ ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมฯ ไม่คัดค้านข้อเสนอจากเทศบาล และพร้อมรับฟังความคิดเห็นของชุมชนโดยรอบในการใช้พัฒนาอาคารบ้านเขียว โดยแนวทางเบื้องต้นกรมฯจะมีการสอบถามไปยังเทศบาลผักไห่ก่อนว่ามีความพร้อมในการพัฒนาและดูแลเองหรือไม่ ทั้งในส่วนของงบประมาณ การบูรณะซ่อมแซม รวมถึงการบริหารจัดการทำการตลาด ซึ่งหากพร้อมเทศบาลก็สามารถทำได้เองเลย แต่ไม่ยังติดขัดกรมฯก็จะเปิดให้ภาคธุรกิจเอกชนเข้ามาเช่าลงทุน แต่ต้องมีเงื่อนไขว่าต้องพัฒนาในเชิงอนุรักษ์และได้รับการยอมรับจากชุมชนด้วย
“กรมฯไม่ได้ติดขัดว่าจะพัฒนาเป็นอะไร จะเป็นโรงแรม ร้านกาแฟ หรือแหล่งท่องเที่ยวตามที่เทศบาลต้องการก็ได้ เพราะกรมฯไม่ได้มีเป้าหมายหารายได้ให้เพิ่มขึ้น แต่ต้องการให้มีคนเข้ามาช่วยดูแลรักษาอาคารเก่าที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ให้คงอยู่ต่อไป พร้อมกับพัฒนาเป็นสถานที่สำคัญของชุมชนให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียน ซึ่งจะช่วยส่งผลดีต่อคนในชุมชนให้มีรายได้ เกิดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกันกรมฯจำเป็นดูถึงความคุ้มค่าทางรายได้ด้วยด้วย เพราะถ้าให้เอกชนเข้ามาบูรณะอย่างเดียว โดยไม่สามารถทำในเชิงพาณิชย์ได้ ก็อาจไม่มีคนสนใจ”
น.ส.อมรรัตน์กล่าวว่า สำหรับแนวทางการพัฒนาบ้านเขียว กรมฯยังได้รับการติดต่อจากทายาทของขุนพิทักษ์บริหาร โดยให้ความเห็นสนับสนุนแนวทางในการนำอาคารเก่าบ้านเขียวมาพัฒนา แต่เสนอให้มีอนุรักษ์สถาปัตยกรรมเดิมไว้ พร้อมให้ความรู้ถึงประวัติความเป็นมา เพื่อเป็นมรดกให้รุ่นหลานซึ่งตรงกับแนวทางที่กรมฯคิดพอดี และนอกจากการพัฒนาบ้านเขียวแล้ว กรมฯมีแผนลงพื้นที่หารือกับชุมชนเพื่อรับทราบถึงความต้องการในการพัฒนาอาคารเก่าหลังอื่นเช่นกัน เพื่อทำให้เกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ทั้งเทศบาล การอนุรักษ์มรดกประเทศ ตลอดจนส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในชุมชนด้วย