“น้ำ” รัตติกาล ทองสมบัติ นักเตะตัวรุก สีสันฉูดฉาดของทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติ เป็นกำลังหลักของทีมมาตลอด โดยทั้ง 2 ครั้ง ที่ทีมชาติไทย ไปแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก เธอก็ติดไปด้วย

ซีเกมส์ ปลายปี 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ คือการร่วมทีมครั้งสุดท้าย รายการถัดมาคือคัดโอลิมปิกเกมส์ เธอหลุดจากโผไป แล้วก็พอดีที่ พายุโควิด-19 มาป่วน

ในช่วงที่หลุดทีมชาติ สภาพจิตใจไม่ค่อยดี แต่ รัตติกาล ก็ยังรักษาสภาพร่างกาย ยังซ้อม ยังเล่นอยู่ แล้วเป็นช่วงไม่มีฟุตบอลแข่งขัน ก็กลับไปทำงานที่เมืองไทยประกันภัย

แต่ราวๆ กลางปี หรือราว 3-4 เดือนที่หลุดทีมชาติไทย เธอก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ อยู่ๆ น้ำหนักตัวก็ขึ้น จากปกติ 55-56 กก. ไปที่ 60 กก. เศษ ร่างกายอ่อนเพลีย

“แปลกใจเพราะว่า น้ำเป็นคนกินน้อย ใครอยู่ใกล้ชิดจะรู้เลย อย่าง แนนซี่ (สุนิสา สร้างไธสง), หมิว (ศิลาวรรณ อินต๊ะมี) จะรู้เลยว่า น้ำกินน้อย กินเหมือนแมวดม แล้วน้ำหนักมันขึ้นมาได้ยังไง ก็ไปเสิร์ชในอินเทอร์เน็ต อาการเหมือนไทรอยด์เป็นพิษ เลยไปพบแพทย์ ซึ่งเป็นไปตามคาด”

ผลพวงจากโรคนี้ ทำให้ร่างกายเธออ่อนแอลง และที่ทำให้เห็นได้ชัดคือ น้ำหนักขึ้น ร่างกายดูใหญ่ขึ้น จนทำให้หลายคนที่ไม่รู้ว่าเธอเจออะไร ตั้งข้อหา “ปล่อยเนื้อปล่อยตัว”

“ไม่เชิงน้อยใจ แต่เฟลนะ คือเค้าไม่ได้ถามว่าเราเป็นอะไร ในขณะเดียวกัน มันไม่ใช่เรื่องที่เราต้องไปบอกก่อน แต่ถ้าเขาถาม ก็ยินดีตอบ จะบอกว่าอ้วนเนี่ย เพราะไทรอยด์ ไม่ได้ปล่อยตัวเวลารู้ว่ามีคนว่า รู้สึกไม่โอเค เหมือนโดนบูลลี่”

“คนพูดกัน ทำไมปล่อยตัวเองให้อ้วนขนาดนั้น คนอยู่ข้างๆ จะรู้หมดว่าเราเป็นอะไร จะอัพเดทตลอด ทุกคนเข้าใจ อาการนี้มันกำเริบเพราะความเครียด พักผ่อนน้อย ทำงานเยอะ”

ช่วงร่างกายอ่อนแอ รัตติกาล เคยน้ำหนักพุ่งไปถึง 69 กก. จากเดิมที่ ราว 54-55 กก. สภาพความแข็งแกร่งของร่างกายลดลงไปชัดเจน แค่จ๊อกกิ้งก็เหนื่อยแล้ว เคยถึงขนาดวูบไปในสนามบอล

หลังจากเข้ารับการรักษาจริงจัง และเธอก็จริงจังมาก ในการอยากกลับมามีชีวิตปกติ ไทรอยด์เป็นพิษ ป่วนชีวิตของ รัตติกาล แบบเต็มๆ ได้เพียง 1 ปี

“จริงๆ โรคนี้จะอยู่กับเราตลอด อยู่ที่เราดูแลตัวเอง อย่างน้ำเอง หมอบอกว่าหายเร็วมาก เร็วกว่าคนทั่วไป น้ำมาตรวจพบไทรอยด์ ราว ต.ค.2020 หยุดยาไปเมื่อเดือน เม.ย.ปีนี้ แล้วก็ฟื้นฟูร่างกาย ตอนนี้อาการนิ่งมา 7-8 เดือนแล้ว แต่หมอบอกยังต้องดูอาการ ถ้า 2 ปี ไม่มีอะไร ก็ถือว่าผ่านแล้ว”

“โรคนี้ไม่เกี่ยวกับว่ากินเยอะแล้วอ้วน กินน้อยก็อ้วน ออกแนวบวม เพราะถ้าเรากินน้อย ทำให้ร่างกายอ่อนแอ มันก็จะโจมตีเราอีก ดังนั้น หากจะลดน้ำหนัก ใช้วิธีอดอาหารไม่ได้ ต้องกินให้เพียงพอ รักษาร่างกายให้แข็งแรง”

ช่วงที่เธอร่างกายเริ่มฟื้น ก็ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไป หลังจากไทรอยด์นิ่งไป 3 เดือน เธออบรมโค้ชซีไลเซนส์ เตรียมตัวสู่เส้นทางผู้ฝึกสอน เพราะหวั่นใจเหมือนกันว่า เส้นทางทีมชาติไทย คงปิดไปแล้ว

“ตอนที่ป่วย พูดตรงๆว่า ไม่ได้ตั้งใจกลับมาเล่นทีมชาติแล้ว แต่ไม่เชิงถอดใจนะ เพียงแค่ทำใจ และเข้าใจ เพราะเราก็อายุ 30 แล้ว แต่ถ้ามีโอกาสก็เข้า ไม่มีโอกาสก็ยอมรับ เข้าใจว่าห่างมานานด้วย เลยเปลี่ยนทางไปสายโค้ช เพราะน้ำรักฟุตบอล ไม่อยากทิ้งฟุตบอล”

ด้วยความมุ่งมั่นของเธอ ร่างกายจึงค่อยๆ ดีขึ้น น้ำหนักลงมาเหลือ 60 ต้นๆ แม้จะยังสูงกว่าตอนฟิตๆ แต่ตัวเล็กลงชัดเจน อาการบวมลดลง

กระทั่งสิ่งที่เธอแอบรอคอยก็มาถึง เมื่อ มิโยะ โอกาโมโตะ หัวหน้าโค้ชชบาแก้ว ชาวญี่ปุ่น เรียกมาเข้าแคมป์ซ้อม เตรียมทีมสำหรับฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ต้นปีหน้าที่อินเดีย

ประตูสู่ฟุตบอลโลกสมัย 3 เปิดอีกครั้ง

“ถามโค้ชมิโยะนะ ว่าทำไมเลือกน้ำ เพราะเราไม่ได้แข่งขันเลย จะเห็นฟอร์มจากไหน”

“มิโยะบอกว่า ที่ผ่านมาดูผลงานของเรามาตลอด แล้วจริงๆ ก็ถามเรื่อยๆ ว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง โค้ชหมั่นสอบถาม อาการเป็นอย่างไร กินยาอยู่ไหม”

“พอครั้งนี้บอก เพิ่งหยุดยา แล้วซ้อมมาบ้าง แต่ไม่ได่ซ้อมหนัก ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี เมื่อถามมา เลยรับปาก”

“มิโยะ บอกว่า มองว่าน้ำเป็นนักกีฬาที่ดี เห็นผลงานจากตอนสมัยโค้ชคนเก่า แล้วก็อยากเห็นกับตา เลยอยากลองให้เข้ามาดู”

ช่วงต้นของการเข้าแคมป์ รัตติกาล ทองสมบัติ ยอมรับว่า ร่างกายยังต้องปรับพอสมควร ค่อยๆ ไต่ระดับ ซึ่งโค้ชเองก็เข้าใจ ว่าเป็นช่วงฟื้นฟู ยังตัดสินอะไรไม่ได้

“เหนื่อยค่ะ เขาพูดกับหนูว่า อยากให้ค่อยๆ ปรับไป เข้าใจหนู ให้ค่อยๆไปอย่าหักโหม”

เมื่อถามถึงความคาดหวัง ในการมีชื่อติดทีมชาติไทย ชุดชิงแชมป์เอเชีย รัตติกาล บอกว่าขอคิดไปทีละขั้น

“พักไปนาน ดังนั้นก่อนอื่นต้องขอแข่งกับตัวเองก่อน”

“มันจะเป็นโอกาสสู่ฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของน้ำ ลึกๆ อยากจะติด แต่ต้องตามสภาพตัวเอง จะทำให้เต็มที่ แต่ในทีมทุกคนก็เต็มที่เช่นกัน และทุกคนก็คาดหวังทั้งหมด”

“เมื่อถึงที่สุดแล้ว โค้ชก็ต้องเลือกคนที่ดีที่สุดไปเล่นให้ทีมชาติไทย ซึ่งหากน้ำทำเต็มที่แล้ว ก็พร้อมยอมรับกับผลลัพธ์นั้น แต่ก่อนอื่นต้องสู้กับตัวเองก่อน” รัตติกาล ทิ้งท้าย

หลังจากมรสุมโรครุมเร้า จนแทบถอดใจ แต่เมื่อผ่านช่วงมืดที่สุดของวัน อาทิตย์ย่อมแย้มแสง

ครั้งนี้นับเป็นเที่ยวสุดท้ายกับเส้นทางฝันฟุตบอลโลก แม้ยังมีเรื่องต้องทำ มีด่านต้องพิสูจน์อีกมาก แต่อย่างน้อยตอนนี้โอกาสก็เปิดให้เธอแล้ว.

*** วุฒินล บุญวานิช ***