วันก่อน มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาและส่งเสริมมวยไทยสู่สากลระหว่าง ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก (มวยไทยลุมพินี) โดย พล.ท.สุชาติ แดงประไพ นายสนามมวย กับ สภามวยโลกมวยไทย (WBC Muaythai) โดย พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ ประธานสภามวยโลกมวยไทย  องค์กรกีฬามวยไทยระดับนานาชาติ ภายใต้การนำของสภามวยโลก (World Boxing Council : WBC)

โดยมี พล.ต.รณวุธ เรืองสวัสดิ์ รองนายสนามมวยเวทีลุมพินี และ พ.อ.ธนพล ภักดีภูมิ เลขานุการฝ่ายบริหารสภามวยโลกมวยไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน

ขอบเขตความร่วมมือก็เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนมวยไทยให้เป็นกีฬามาตรฐานระดับนานาชาติ และพัฒนาสนามมวยเวทีลุมพินีให้เป็นศูนย์กลางการแข่งขันกีฬามวยมาตรฐาน รวมทั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้และศูนย์ฝึกอบรมศิลปะมวยไทยระดับสากล ตลอดจนส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงกีฬา และวัฒนธรรมการต่อสู้ป้องกันตัวสำหรับนักกีฬามวยและประชาชนทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ พร้อมส่งเสริมให้มวยไทยมีส่วนช่วยสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและช่วยเหลือสังคม

พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ ประธานสภามวยโลก มวยไทย (WBCMUAYTHAI) ชี้ว่า เดือนนี้ เป็นเดือนที่ครบรอบ 20 ปีพอดี กับการริเริ่มก่อตั้งองค์กรสภามวยโลกมวยไทย ตั้งแต่ตนพร้อม ดร.โฮเซ สุไลมาน อดีตประธานสภามวยโลก WBC ได้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน และได้ทรงมีพระกรุณาโปรดรับสั่งให้ส่งเสริมและสนับสนุนมวยไทยให้เป็นกีฬาที่มีมาตรฐานในระดับนานาชาติ ภายใต้การนำของสภามวยโลก (WBC)

ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้กับสนามมวยเวทีลุมพินี ซึ่งเป็นเวทีมวยมาตรฐาน ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้มวยไทยมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทยก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ในระดับโลกต่อไป

ในงานนี้นายสนามมวยเวทีลุมพินี พล.ท.สุชาติ แดงประไพ ยังเปิดเผยถึงนโยบายสนามมวยเวทีลุมพินียุคใหม่ ที่เป็นแผนแม่บทตั้งแต่ยุคนี้ ให้ปลอดการพนัน 100% ชนิดที่ถ้าเจอขอบเวที หรือในสนาม จะให้ใบแดง ไล่ออกทันทีโดยกล่าวว่า

“เซียนมวยมีสิทธิขั้้นพื้นฐานของตัวเอง แต่ในสนามห้ามเล่นการพนัน นั่นคือนโยบายที่รับคำสั่งมา สำหรับอาชีพ มวยหู ก็ยังคงพากย์ได้เหมือนเดิม แต่จะมาส่งสัญญาณอัตราต่อรองมวย 5-4 หรือ 3-2 เหมือนเดิมไม่ได้แล้ว เซียนมวยจะต้องนั่งชมมวยอยู่กับที่ ถ้ายืนขึ้นโบกมือส่งซิกมวย หรืออัตราต่อรองที่จะมีผลต่อการชกของนักกีฬา รวมไปถึงวิ่งลงมาที่โต๊ะกรรมการเพื่อกดดันผู้ตัดสินที่กำลังทำหน้าที่ข้างเวทีเมื่อไหร่ จะมีเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารมาเชิญตัวออกจากสนามทันที”

ทางรอดของเวทีลุมพินี คือการทำมวยไทยให้เป็นสปอร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์ สู่ระดับอินเตอร์ เพื่อสร้างมูลค่า โดยไม่ได้พึ่งพารายได้เพียงค่าตั๋วเข้าดูมวยเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะต้องทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพเพียงพอ โดยเฉพาะในระดับนานาชาติ 

การจับมือกับ สภามวยโลกมวยไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับความนิยมสูงสุดในต่างประเทศและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ก็นับเป็นอีกก้าวที่น่าจับตา

นโยบายใหม่ ปลอดการพนันของสนามมวยเวทีลุมพินี ถูกวิพากษ์ วิจารณ์ เป็นอย่างมาก ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ยุคนี้สนามมวยในเมืองไทย ยังมีอีกเป็นจำนวนมาก ที่รักษาแนวทางเดิม เมื่อสนามมวยเวทีลุมพินี จะมีนโยบายในเชิงบวกเช่นนี้ กล้าที่จะเดินทางใหม่ สร้างเอกลักษณ์ใหม่ไปสักเวทีหนึ่ง ก็นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี…ใช่หรือไม่

“ลุมพินีเกริกไกร ชาวไทยย่อมรู้”คำนิยามที่แสดงความเป็นสนามมวยเวทีมาตรฐาน ของเวทีลุมพินี มายาวนาน จวบมาจนถึงยุคนี้ ซึ่งเป็นยุคนิวนอร์มัล จะนำมวยไทยเกริกไกร กระเดื่องโลกได้หรือไม่กับนโยบายใหม่นี้

เมื่อโลกเปลี่ยนไป ย่อมมีความจำเป็นที่จะต้องก้าวให้ทันโลกด้วย เส้นทางของเวทีลุมพินียุคนี้ เป็นเส้นทางที่ท้าทาย และเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการมวยไทยด้วย

ถ้าไม่เริ่มก้าวเดิน ก็ไม่มีวันถึงจุดหมาย ความฝันที่อยากจะเห็นคนมาดูมวย เพื่อดูความสวยงามของศิลปะการต่อสู้ ความสนุกของเกมกีฬา และเข้าสนามมวยได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ใช่เพื่อคนกลุ่มใด เพียงกลุ่มเดียว

 ถ้ามีสักแห่งในเมืองไทย ก็เป็นเรื่องที่ดี ใช่หรือไม่….!!!!

                                                “คม ท่าดี”