อาหาร 1 จาน” อาจมีคุณค่ามากกว่าแค่เพียงรสชาติของอาหาร เพราะอาจเป็นเสมือน “ตัวแทนชีวิต” ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว “ความทรงจำและความฝัน” ของคน ๆ นั้นด้วย… เหมือนกับเส้นทางของ “วิไลลักษณ์ วัฒนไวฑูรย์ชัย” เจ้าของเพจ “แม่นวลชวนกิน” ที่เริ่มต้นจากเล่นโซเชียลเพื่อความสนุก แต่สุดท้ายได้กลายมาเป็น “ดาวติ๊กต็อกสายอาหาร” สุดโด่งดัง ที่วันนี้ “ทีมวิถีชีวิต” มีเรื่องราวชีวิตของ “อินฟลูเอนเซอร์วัยเก๋า” ท่านนี้มานำเสนอ…

“แม่นวลชวนกิน” อินฟลูสุดโด่งดังคนนี้หรือชื่อจริง-นามสกุลจริง “วิไลลักษณ์ วัฒนไวฑูรย์ชัย” ปัจจุบันอายุย่าง 66 ปี สามีชื่อ “สุทิน” มีทายาทชายหญิงรวมทั้งหมด 3 คน ซึ่งด้วยความที่ แม่นวล นั้นชื่นชอบการทำอาหารมาก ๆ ด้วยเหตุนี้ ลูก ๆ ทุกคนจึงมีชื่อเป็น “เครื่องปรุงรสอาหาร” กล่าวคือ ลูกคนโตชื่อ “เกลือ-สรยุทธ” คนรองชื่อ “น้ำตาล-สุทธินี” และคนสุดท้องชื่อ “ซอส-สิทธิกร” โดยที่บ้านของแม่นวลนั้นทำธุรกิจซักแห้ง ซึ่งก่อนหน้าที่จะมาเป็น “ดาวติ๊กต็อก” นั้น แม่นวลก็ใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านธรรมดา ๆ ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านดูแลสามีและลูก ๆ

รักการทำอาหารมาก ๆ จึงนำชื่อเครื่องปรุงรสชาติที่มีติดครัวมาตั้งเป็นชื่อลูก ๆ โดยแม่จะเป็นคนทำกับข้าวให้ทุกคนในครอบครัวกินมาตั้งแต่เด็ก ๆ ถึงแม้ลูกจะโตหมดแล้วแต่แม่ก็ยังทำอาหารให้กินอยู่ ซึ่งบ้านที่ จ.นครปฐม ที่อยู่นี้เป็นที่ดินที่ซื้อไว้ตั้งนานแล้ว เพราะแม่มีความฝันว่าอยากจะย้ายจากกรุงเทพฯ กลับมาอยู่ อ.นครชัยศรี เพราะตั้งใจว่าช่วงบั้นปลายชีวิตอยากมาใช้ชีวิตเงียบ ๆ ที่นี่กับลูก ๆ” แม่นวล อินฟลูวัยเก๋าเล่าความฝันเรื่องนี้

แม่นวล-วิไลลักษณ์ วัฒนไวฑูรย์ชัย กับเรือนครัว

ส่วน “จุดเปลี่ยนชีวิต” ที่ทำให้จากแม่บ้านธรรมดากลายมาเป็นดาวติ๊กตอกนั้น แม่นวลเล่าว่า ปลายปี 2566 ที่ผ่านมา เนื่องจาก ซอส-ลูกชายคนเล็ก เห็นว่าเธอชอบทำกับข้าว กับมองว่าเธอเริ่มอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ไม่รู้ว่าวันใดวันหนึ่งลูกตื่นมาอาจจะไม่เจอเธอแล้วก็ได้ ลูกชายคนเล็กจึงคิดว่าช่วงเวลาที่แม่ยังคงมีชีวิตอยู่ไม่ควรปล่อยทิ้งไป จึงเอากล้องมาถ่ายรูปกับบันทึกวิดีโอไว้ เพื่อเก็บเป็นบันทึกความทรงจำสำหรับลูก ๆ ในขณะที่ตัวเธอกำลังทำอาหาร โดยลูกชายคนเล็กบอกว่า สีหน้าของเธอเวลาที่ลงมือทำอาหารนั้นเป็นสีหน้าที่มีความสุขมาก จึงอยากจะเก็บบันทึกช่วงเวลาดี ๆ เหล่านี้เอาไว้

แม่นวล บอกว่า ปกติวันหยุดเสาร์อาทิตย์ถ้าไม่มีธุระอะไรครอบครัวก็มักจะเดินทางมาพักผ่อนที่บ้านสวน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม แห่งนี้ แต่จะมีแค่สามคนพ่อแม่ลูก เพราะลูกคนโตกับลูกคนรองนั้นแต่งงานแยกออกไปมีครอบครัวอยู่เมืองนอกกันหมด จึงเหลือแค่ ซอส-ลูกชายคนเล็ก ทำให้เธอและลูกคนเล็กนี้จะสนิทกันมาก ๆ จนพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง เรียกได้ว่าเป็นทั้งลูกเป็นทั้งเพื่อน ซึ่งวันที่ลูกคนนี้เริ่มเก็บบันทึกภาพเธอตอนทำอาหารนั้น แม่นวลเล่าว่า ระหว่างกำลังทำกับข้าวอยู่ ซอสก็ได้เข้ามาขอเก็บภาพไว้ ก่อนจะนำไปอัปโหลดลงสื่อออนไลน์ ซึ่งแค่เพียงไม่นานก็มีคนเข้ามากดไลก์และกดติดตามชมมากมาย โดยซอสได้เอาคอมเมนต์ของชาวโซเชียลที่เข้ามาเขียนถึงมาอ่านให้เธอฟังว่า ทุกคนอยากเห็นเธอทำกับข้าวให้ลูกกินให้ดูอีกเรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตาม แม่นวลบอกว่า ด้วยความที่บ้านสวนนั้นเครื่องครัวเครื่องไม้เครื่องมือทำอาหารมีไม่พร้อมเหมือนบ้านที่กรุงเทพฯ พ่อแม่ลูกสามคนจึงช่วยกันขนข้าวของเครื่องใช้ในครัวจากกรุงเทพฯ มาไว้ที่บ้านสวน โดยเมื่อเธอทำอาหารลูกชายก็ถ่ายทำเหมือนเดิม แล้วเอาไปโพสต์ลงทั้งในติ๊กตอก โดยตั้งชื่อเพจว่า “แม่นวลชวนกิน” หรือvilailauk_k ก็ปรากฏว่ามีคนเข้ามาติดตามมากขึ้นเรื่อย ๆ และเสียงส่วนใหญ่ก็ไปในทางบวก ทำให้เธอมีกำลังใจอยากทำอาหารให้ดูกันไปเรื่อย ๆ

สำหรับ “ที่มาของชื่อเพจ” อย่าง “แม่นวลชวนกิน” นั้นมาจากชื่อเล่น คือ “สีนวล” เพราะด้วยผิวพรรณในวัยเด็กที่นวลลออ คุณพ่อของเธอก็เลยตั้งชื่อนี้ให้ โดยแม่นวลเติบโตที่ย่านบางแค เป็นลูกคนคนสุดท้องในจำนวนลูก ๆ 5 คน ซึ่งก่อนจะแต่งงานออกมามีครอบครัว ที่บ้านของแม่นวลทำธุรกิจขายเนื้อสดที่ตลาดบางแค โดยความฝันในวัยเด็กนั้นเธออยากจะเป็นครู แต่ด้วยความที่ตอนนั้นพ่อแม่มีลูกหลายคน เธอจึงต้องถอดชุดนักเรียนหันมาใส่ผ้ากันเปื้อนสับหั่นเนื้อสดทำงานช่วยที่บ้าน …นี่เป็นเรื่องราวชีวิตโดยสังเขปของ “แม่นวล” ซึ่งเป็น “ดาวติ๊กต็อกอินฟลูวัยเก๋า” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกออนไลน์เวลานี้

มีความสุขที่ได้ทำและได้สอน

ขณะที่ “ซอส-สิทธิกร” ลูกชายคนเล็ก และ “เบื้องหลังคนสำคัญ” ความโด่งดังของ “แม่นวล” ก็เล่าให้ “ทีมวิถีชีวิต” ฟังว่า แม่เคยเล่าความฝันในวัยเด็กให้ลูก ๆ ฟังว่า นอกจากอาชีพครูสอนหนังสือแล้ว แม่ยังมีความสุขทุก ๆ ครั้งที่ได้ทำอาหารให้ลูก ๆ และคนอื่น ๆ ได้กิน เขาเลยตั้งใจทำให้แม่ได้ทำอาหารและได้มีความสุข ซึ่งการที่ทำเรือนครัวกับถ่ายวิดีโอตอนที่แม่ทำอาหารไปลงโซเชียลนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะตั้งใจจะช่วยสานความฝันวัยเด็กให้แม่ ที่แม่เคยฝันอยากจะเป็นครู แม้จะไม่ได้สอนในห้องเรียน ในโรงเรียน แต่ก็ได้เป็นครูสอนทำอาหารทางออนไลน์แทน โดยหลังออกสื่อออนไลน์ ทำให้เขาและแม่ได้รับโอกาสมากมายแบบไม่น่าเชื่อ มีทั้งถูกเชิญไปเป็นวิทยากร มีทั้งงานรีวิวสินค้าเข้ามา โดยซอสบอกว่า ตอนนี้ที่ตั้งใจทำด้วยก็คือ ความฝันของแม่ที่อยากมีสินค้าแบรนด์ตัวเอง นั่นคือ “เนื้อแดดเดียว” ที่หลังทำขายก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าล้นหลาม

เราก็เอาสกิลหรือทักษะแม่ค้าขายเนื้อสดของคุณแม่มาผสมผสานเข้าด้วยกัน จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อแดดเดียว ทำให้แฟนคลับของแม่สามารถชิมสินค้าได้ทั่วประเทศ โดยเน้นฟีลลิ่งเหมือนแม่มาทำกับข้าวให้ลูกกินที่บ้าน ซึ่งพอสินค้านี้ได้การตอบรับดี แม่บอกว่าดีใจมาก ๆ ดีใจที่สุด และแม่ยังบอกอีกว่าตั้งแต่ก้าวสู่โลกใบใหม่อย่างสังคมออนไลน์และโซเชียลนี้ แม่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีความสุข ทำให้ทุก ๆ วันอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ เพราะสนุกที่ได้คิดอะไรใหม่ ๆ ทุกวัน เช่น เมนูพรุ่งนี้จะทำอะไรให้แฟนคลับชมดี ส่วนเสียงพากย์ที่อยู่ในทุกคลิป ก็จะมีคนชื่นชอบมาก โดยบอกว่าเสียงของแม่เหมือนกับเสียงพากย์ในรายการกระจกหกด้านเลย” ซอส บอกเล่าเรื่องนี้

ทั้งนี้ เขายังบอกว่ารู้สึกตื่นเต้นที่ช่อง “แม่นวลชวนกิน” นั้นมีกระแสตอบรับดีมาก จากตอนแรกที่มีคนตามดูแค่ไม่กี่ร้อยคน แต่ในเวลาไม่นานกลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างเช่นติ๊กตอก มีคนติดตามมากกว่า 240,000 คน ส่วนเฟซบุ๊ก มีประมาณ 200,000 คน ขณะที่อินสตาแกรม ก็มีอยู่ราว 80,000 คน ทำให้แม่มีรายได้เสริมด้วยหลังผันตัวเองเป็น “ดาวโซเชียล”

กับสามี และลูก ๆ

“หากมีเวลาว่าง ผมจะนั่งอ่านคอมเมนต์ให้แม่ฟัง แล้วเวลาที่ท่านอยากจะตอบ ก็จะพูดแล้วให้ผมพิมพ์ตอบกลับไป แต่หากมีคอมเมนต์ที่ไม่ดี เช่น เข้ามาต่อว่าแม่เรื่องรูปลักษณ์ หรือมีคอมเมนต์ที่ใช้คำไม่สุภาพ ผมจะข้าม แล้วตอบกลับด้วยสติกเกอร์ยิ้มไปให้เอง เพราะผมไม่อยากให้แม่เครียด เพราะช่วงแรก ๆ แม่เคยอ่านเจอเอง ทำให้ท่านรู้สึกไม่ดี ซึ่งผมก็ได้บอกกับแม่ไปว่าเมื่อเราเปิดเป็นสาธารณะแล้ว ก็หนีไม่พ้นที่จะเจอคอมเมนต์ที่ไม่ดี แต่เราก็มีวิธีเลี่ยง และขอให้แม่อย่าเก็บมาคิดให้บั่นทอนจิตใจ ซึ่งถ้าหากเป็นคอมเมนต์ประเภทให้คำแนะนำ ตรงนี้แม่จะน้อมรับ และนำมาปรับปรุงเสมอครับ” ลูกชายคนเล็ก และผู้อยู่เบื้องหลังความดังของ “แม่นวลชวนกิน” บอกเล่าเรื่องนี้…

ลูกชายคนเล็ก ในฐานะ “แอดมินเบื้องหลัง” ของ “แม่นวลชวนกิน” บอกกับ “ทีมวิถีชีวิต” ในช่วงท้ายในวันที่เราได้สนทนากันว่า ช่วงแรก ๆ ที่เริ่มถ่ายทำคลิปจริงจัง แม่จะยังเขินอายกล้องอยู่มาก และตื่นเต้น จนไม่อยากจะให้ถ่าย แต่เขาก็ได้บอกกับแม่ไปว่า แม่คิดอยากทำเมนูอะไร จะเป็นเมนูโบราณ หรือเมนูวัยเด็กที่คิดถึง ก็ทำได้ตามสบายเลย ตามสไตล์ที่ทำให้ลูกกิน ส่วนเรื่องของงานเบื้องหลัง งานโปรดักชั่น ตนจะจัดการเอง… “ผมเคยคุยกับแม่ว่า แม่อาจจะไม่สามารถเป็นครูได้ แต่เราสามารถเป็นครูในแบบฉบับของเราได้ ตอนแรกกลัวคนจะคิดว่าแม่เป็นอาจารย์ด้านอาหาร แต่แม่บอกว่าสูตรของท่านนั้นได้มาจากคุณแม่ของท่านเอง แล้วก็เอามาดัดแปลง เพื่อเวลาถ่ายตอนทำกับข้าวคนดูจะได้เข้าใจง่ายขึ้น ส่วนเรือนครัวที่ทำขึ้นมา ที่ทำก็เพราะตอนแรกไม่มีครัวเป็นสัดเป็นส่วน แม่จะนั่งทำกับข้าวใต้ต้นมะม่วง พอเข้าฤดูฝนก็มีอุปสรรคในการทำ จึงทำเรือนครัวขึ้นมาให้แม่ โดยผมจำลองแบบมาจากละครซึ่งคุณแม่ชอบมาก ๆ…มาจากละครเรื่องบุพเพสันนิวาส”.

ซอส-สิทธิกร กับคุณแม่

อย่าทิ้งฝันเพราะโชคชะตาหรือวัย’

“เพราะพี่คนโตกับพี่คนรองชื่อเกลือกับน้ำตาลไปแล้ว มาถึงผมที่เป็นคนที่ 3 แม่ก็คิดว่าจะเป็นชื่ออะไรดีนะ แม่กับพ่อก็มีการเสนอชื่อกันเล่น ๆ ว่าชื่อน้ำปลามั้ย หรือจะเป็นซีอิ๊วดี ปรากฏว่าซอสกลายเป็นชื่อที่มาแรงแซงทางโค้งในท้ายที่สุด ผมก็เลยได้ชื่อนี้มา เอาจริง ๆ ตอนเด็ก ๆ เวลามีคนเรียกชื่อนี้ก็มีเขิน มีอายบ้าง แต่พอโตมากลับชอบชื่อนี้ เพราะรู้สึกว่าเท่ ไม่เหมือนใครดี” ลูกชายคนเล็กของแม่นวล “ซอส-สิทธิกร” เล่าให้ฟังถึงที่มาของชื่อเท่ ๆ นี้ ก่อนจะพูดถึงเรื่องที่เขาลุกขึ้นมา “สานฝันให้แม่” ด้วยว่า ที่อยากพูดคือเรื่องของ “ความตั้งใจ” ครับ เพราะเป็น “คีย์เวิร์ดสำคัญ” ที่จะทำให้ฝันเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ โดยที่เขาอยากบอกคือ… “เมื่อมีความตั้งใจที่อยากจะทำ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไป พอคิดแล้วก็ให้ลงมือทำเลย เหมือนที่ผมตั้งใจสานฝันให้แม่ ช่วยให้แม่ได้เป็นครูในโลกออนไลน์ แถมแม่ยังได้ทำในสิ่งที่รักด้วย ซึ่งที่ผมอยากฝากด้วยก็คือ อย่าทิ้งความฝันเพราะโชคชะตาหรือวัย ขอแค่เราตั้งใจ เราจะทำได้ครับ”.

เชาวลี ชุมขำ : รายงาน