ในช่วงสัปดาห์นี้ หลายสื่อคงเกาะติดไม่พลาดข่
าวการที่อัยการสั่งยุติไม่ฟ้
องคดี
นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง ในข้อหาขั
บรถชนตำรวจโดยประมาทจนถึงแก่
ความตาย ตำรวจเพิกถอนหมายจับ ซึ่งเรื่องมันเกือบจะเงียบไปได้
แล้ว จนกระทั่งอยู่ๆ สำนักข่าว CNN ก็ไป
“ขุด” ขึ้นมาได้ว่า คำสั่งไม่ฟ้องเป็นความจริง และตำรวจก็ออกมายอมรับ โดยข่าวออกเมื่อวันศุกร์ ติดช่วงหยุดยาว 4 วัน ทำให้สื่อเกาะติดเนื้อหานี้เต็
มเหนี่ยว เพราะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีข่าว
คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนสมั
ยรัฐบาล คสช.เสียอีก ซึ่งตำรวจก็ท่องคาถา
“ไม่ได้นิ่งนอนใจๆๆๆ” ไปเรื่อยๆ แต่ก็กลายเป็นภาพว่า
“คนรวยเป็นอภิสิทธิ์ชน” จนได้ เพราะสามารถเลื่อนหมายเรียกได้
ถึง 8 ครั้งด้วยข้ออ้างติดภารกิจอยู่
ต่างประเทศบ้าง , ป่วยเป็นไข้หวัดบ้าง จนคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่นขับรถเร็วเกินกำหนด , ชนแล้วไม่ช่วยเหลือเหยื่อ หรืออาจเมาแล้วขับ ค่อยๆ หมดอายุความเอง ตำรวจก็ยังท่องคาถาเหลือคดีขั
บรถชนคนตายโดยประมาท อายุความถึงปี 2570
ในคำว่า
“ไม่ได้นิ่งนอนใจๆๆๆ” ก็ดูเหมือนทำอะไรล่าช้าเสียเต็
มประดา ประเภทจะออกหมายจับส่งอินเตอร์
โปล ก็อ้างว่า กระบวนการแปลเอกสารเป็นขั้นตอน แล้วก็แปลกันนานเหลือเกิ
นจนอยากเหน็บให้ว่าถ้ามั
นยากมากไปจ้างนักแปลอิสระก็ได้
แล้วหาคนตรวจสำนวนเอา พอได้หมายจับภาษาอังกฤษมา ก็อ้างว่าไม่รู้ส่งไปที่ไหนอีก เพราะไม่สามารถระบุที่อยู่เป็
นหลักแหล่งของผู้ต้องหาได้ คือฝ่ายที่รับผิดชอบอยู่ๆ ก็หาอะไรไม่เจอขึ้นมาซะงั้น
แต่ขณะเดียวกัน สื่อต่างประเทศกลับหาตัวนายวรยุ
ทธเจอ !! คุ้นๆ หาเจอด้วยวิธีง่ายแสนง่ายคื
อไปตามส่องอินสตาแกรมดูว่าเจ้
าตัวเชคอินอยู่ที่ไหนบ้าง สื่อต่างประเทศตามไปสัมภาษณ์ถึ
งบ้านพักหรูที่อังกฤษ โดยเจ้าตัวได้แต่เดินหนีและให้
ทนายหรือบอดี้การ์ดสักคนหนึ่
งแหละ กันไว้ ในช่วงนั้นเองชาวต่
างประเทศบางคนถึงกับทนไม่ได้ต่
อระบบยุติธรรมไทย ออกแคมเปญแบนสินค้า red bull ออกมาเอง โดยทางการไทยไม่มีแอคชั่นอะไร
จริงๆ แล้วตัวผู้ต้องหาเองจัดเป็นคนมี
หน้ามีตาในสังคม ซึ่งถ้าตำรวจพยายามอีกหน่อย และทางครอบครัวแสดงความจริ
งใจในการต่อสู้คดี ก็กล้าพอไหมล่ะที่จะไปติดต่
อทางครอบครัว ประเทศไทยของเขา แต่ปล่อยให้คดีมันเนิ่นช้
าออกไปจนค่อยๆ หมดอายุความ ขณะที่บางคดีล่ะทำเร็วนัก นึกไปถึงคดีกะเทยตีลูกหมาพิตบู
ลที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน อันนั้นแบบ
“กรรมติดจรวด” กันเลยทีเดียว ศาลสั่งจำคุกหกเดือนรอลงอาญา สั่งห้ามเลี้ยงสัตว์อีก
ยอมรับว่า ค่อนข้างคาดหวังกับการแสดงสปิริ
ตของคนที่มีหน้ามีตาในสังคม ในการรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้
นโดยยอมเข้าสู่กระบวนการยุติ
ธรรม เพราะมันแสดงให้เห็นว่า
“ประเทศไทยไม่ได้สองมาตรฐาน” และไม่ว่าคนรวยหรือจนก็
เคารพกฎหมาย แต่พอถึงวันนี้แล้วมันรู้สึกเป็
นเรื่องน่าเศร้าที่คาดหวั
งมากเกินไปหน่อยในสังคมทุนนิ
ยมที่นายทุนเป็นใหญ่เช่นนี้ เพราะผลมันออกมาเป็นอย่างไรนี่
แทบจะไม่ต้องพูด คือหลายคนคงเห็นข่าวที่วนเล่นกั
นทั้งวันแล้ว
เมื่อกระแสสังคมกดดันมากเข้า กลายเป็นว่า ทางอัยการสูงสุดก็ต้องสั่งตั้
งคณะกรรมการสอบใหม่ โดยให้
นายสมศักดิ์ ติยะวานิช รองอัยการสูงสุดพร้อมคณะอีก 7 คน เอาคำสั่งยุติคดีนั้นกลับมาพิ
จารณาใหม่ โดยดูดุลยพินิจของคำสั่งที่
ลงนามโดยนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด เป็นไปตามหลักฐานและระเบียบที่
เกี่ยวข้องหรือไม่ และมีเหตุผลในการสั่งพิจารณาคดี
อย่างไร ซึ่งขีดเส้นให้ทำให้เร็วที่สุด แต่สังคมก็ยังคาใจเพราะไม่มี
การแถลงจากอัยการ
ด้านฝั่งตำรวจเอง
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ก็ได้มีคำสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริ
งให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ว่าการดำเนินการของข้
าราชการตำรวจว่าเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวข้องหรือไม่ โดยให้ พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็นประธานพร้อมคณะกรรมการ รวม 10 ราย ให้คณะกรรมการทำการตรวจสอบข้
อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันที่รับทราบคำสั่ง
คือถ้าไม่มีกระแสต่อต้านอย่างรุ
นแรงนี้ขึ้นมาก็คดีก็คงหาย ซึ่งก็ไม่รู้ว่า
“โดยเร็วที่สุด” ที่ทางอัยการสอบและทางตำรวจก็
สอบ ผลจะออกมาเป็นที่ค้
านสายตาของประชาชนอีกหรือไม่ เอาจริงหลายคนก็คงคิดว่า
“ถ้าจริงใจ ตั้งใจทำคดีแต่แรกมันเสร็จไปตั้งแต่ปีแรกที่เกิดเหตุแล้ว” ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ พอถูกสังคมกระหน่ำถามเรื่องทำไมไม่ฟ้องคดี กลายเป็น 8 ปีต่อมา มีพยานใหม่มาเฉย ว่า “มีคนในเครื่องแบบระดับสูงเป็นพยานว่านายวรยุทธไม่ได้ขับถึง 177 กม./ ชม.แค่ 79”
แล้วเอกสารอีกตัวที่ว่อนในอิ
นเทอร์เนตขณะนี้ ซึ่งต้องขอให้รอดู
ผลสอบของตำรวจว่าจะว่าไง เนื่องจากมันเป็นเอกสารที่
ออกมานานแล้ว คือเอกสารจาก รพ.รามาธิบดี ที่ระบุผลตรวจเลือดของนายวรยุ
ทธว่า
“มีสารเสพติดในกระแสเลือด” แต่เรื่องนี้กลับไม่ได้รับการพู
ดถึงในสำนวนฟ้องครั้งแรก แถมยังเรื่องที่ตอนแรกจัดฉากให้
พ่อบ้านออกมารับว่าเป็นคนขั
บรถเอง ก็ไม่เห็นว่าจะมีผลการพิ
จารณาคดีตรงนี้ (หรือถ้ามีก็ช่วยวานบอกด้วย)
เรื่องความเหลื่อมล้ำระหว่
างคนรวยกับคนชั้นกลาง คนจน เป็นประเด็นที่รัฐบาลถูกโจมตี
หนักอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงกลายเป็นตีวั
วกระทบคราด รัฐบาลถูกด่าไปด้วยเช่นกันว่า “เพราะช่วงโควิด-19 ระบาด ไปรับเงินกระทิงแดง 300 ล้านบาทหรือเปล่า ถึงมีผลให้คดีเป็นแบบนี้” จน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมทนไม่ได้ต้องออกแอคชั่
นผ่านโฆษกรัฐบาลให้ติดตามคดี และย้ำไม่มีผลประโยชน์ ไม่มีการช่วยเหลือ
อยากจะเขียนอะไรมากกว่านี้ แต่ในเมื่อทั้งอัยการ ทั้งตำรวจ กลับมารื้อคดีใหม่ ก็ขอรอดูการทำงานอีกสักอาทิตย์
ว่าจะเป็นอย่างไร ? ผลจะออกมาเหมือนเดิมหรือไม่ที่
ยืนยันว่าให้ถอนหมายจับ แล้วก็กลายเป็นตำรวจที่ตายตกเป็
นจำเลยร่วมเสียอย่างนั้น ข้อหาขับรถตัดหน้ารถเฟอรารี่หรู
จนเสียชีวิตเอง ซึ่งมันฟังไม่ขึ้นไปหน่อยเพราะ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้ตายถูกรถหรูลากไปร่วม 200 เมตร ถ้าชนด้วยความเร็วแค่ 79 กม./ ชม.ก็น่าจะลงมาช่วยเหลือทัน
คนรวยไม่ติดคุก ไม่ใช่คดีแค่ในประเทศไทยหรอก ในต่างประเทศก็มี แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่น่าจะต้
องยอมรับสภาพโดยดุษฎีกัน เพราะมันทำให้คนเสื่อมศรัทธาต่
อองค์กร ต่อระบบยุติธรรม และถ้าถึงจุดหนึ่งที่คนทนไม่ได้ ระวังจะเกิดภาวะไร้ระเบียบที่
คนไม่เกรงกลัวกฎหมายและพร้
อมจะเล่นงานกันคืนด้วยศาลเตี้ย ความอยุติธรรมนี้เป็นปีศาจที่
ตามหลอกหลอนสังคมไทยให้เรารู้สึ
กเหมือนเห็นผีอยู่ต่อหน้าแต่จั
ดการเล่นงานอะไรมันไม่ได้
ใน 1-2 สัปดาห์นี้ต้องมีการเร่งกอบกู้
วิกฤตความเชื่อมั่นให้ระบบยุติ
ธรรมไทยอย่างเร็วที่สุด ตั้งแต่ฝ่ายตำรวจ (ซึ่งก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.ชี้มูลตำรวจทำคดีล่าช้
าแค่ผิดวินัยไม่ร้ายแรง จนทำให้ความศรัทธาเสื่อมไประดั
บหนึ่งแล้ว) ฝ่ายอัยการ ที่ไม่ใช่การออกเอกสารข่
าวประชาสัมพันธ์ แต่ต้องชี้แจงเหตุผลแบบให้
ถามตอบเป็นทางการ ไปถึงฝ่ายรัฐบาลเอง ที่จะต้องมีแอคชั่นให้เห็นว่า
“ไม่ได้เอื้อนายทุน” เราไม่อยากเห็นการท่องคาถา
“ไม่ก้าวล่วงหน่วยงานอื่น” แล้ว
ต่อไป คนที่เป็นชนชั้นนำของสังคม ก็น่าจะแสดงสปิริตเคารพกฎหมาย แค่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว เยียวยาเหยื่ออย่างเหมาะสม มันก็เป็นต้นแบบให้คนเห็นว่า การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้เหลื่อมล้ำ.
..............................................
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”