สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ว่า หลังจากรัสเซียเริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ทางการนอร์เวย์ตัดสินใจที่จะให้ “การคุ้มครองร่วม” แก่ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนทุกคน ด้วยการมอบสถานะผู้ลี้ภัยโดยอัตโนมัติ

ในช่วงสองปีครึ่งที่ผ่านมา นอร์เวย์ ซึ่งมีประชากรราว 5.6 ล้านคน รับชาวยูเครนเข้าประเทศประมาณ 85,000 คน นับเป็นจำนวนที่มากกว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนอร์ดิก ตามข้อมูลของรัฐบาลออสโล

“เราไม่สามารถรับผู้พลัดถิ่นในสัดส่วนที่มากเกินไป เมื่อเทียบกับประเทศที่คล้ายคลึงกัน เช่น กลุ่มประเทศนอร์ดิก” น.ส.เอมิลี เอ็งเกอร์ เมห์ล รมว.ยุติธรรมนอร์เวย์ กล่าวในการแถลงข่าว

ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของนอร์เวย์ จะพิจารณาคำขอลี้ภัยเป็นรายบุคคล สำหรับชาวยูเครนที่มาจากภูมิภาค 6 แห่ง ทางตะวันตกของประเทศ ได้แก่ ลวิฟ, โวลฮีเนีย, ทรานส์คาร์พาเทีย, อีวาโน-ฟรานคิฟสก์, เทอร์โนพิล และริฟเน ซึ่งภูมิภาคเหล่านี้ถือว่า “ปลอดภัย” เพราะอยู่ห่างไกลจากแนวหน้าสงคราม

ทั้งนี้ รัฐบาลออสโลระบุเสริมว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้น เนื่องจากผู้ลี้ภัยจำนวนมากทำให้ที่อยู่อาศัย, การดูแลสุขภาพ และโรงเรียนในบางเมือง ได้รับผลกระทบ ซึ่งในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทางการนอร์เวย์ค่อย ๆ กระชับเงื่อนไขการขอลี้ภัย เพื่อจำกัดจำนวนผู้อพยพที่เดินทางเข้าประเทศ และกระตุ้นให้ชาวยูเครนหางานทำ.

เครดิตภาพ : AFP