เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านและจากรายงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ว่ามีประชาชนจำนวนมากแห่กันมาตกปลาในเขตอภัยทานอ่างเก็บน้ำวัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร ซึ่งเป็นพื้นที่อภัยทานขนาดใหญ่กว่า 100 ไร่ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีการปล่อยข่าวลือว่าเปิดให้ตกปลาฟรีในช่วงเย็น
เมื่อผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าบริเวณสันอ่างเก็บน้ำ ซึ่งโดยปกติเป็นเขตห้ามรถยนต์เข้า แต่พบว่ามีการหักเสายางกั้นบริเวณทางเข้า ทำให้มีรถยนต์สามารถผ่านเข้าไปได้ ส่งผลให้มีประชาชนจำนวนมากนำอุปกรณ์ตกปลา อาหาร และเครื่องครัว รวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาจับจองพื้นที่เพื่อตกปลากันทั้งครอบครัว โดยไม่สนใจป้ายประกาศขนาดใหญ่ที่ติดตั้งโดยกรมประมงว่า “เขตอภัยทาน ห้ามจับสัตว์น้ำหรือทำการประมงในพื้นที่ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ในระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังบันทึกภาพและสอบถามชาวบ้านถึงสาเหตุที่เข้ามาตกปลาในเขตอภัยทาน กลับถูกชายวัยกลางคนแต่งกายชุดลายพรางคล้ายเจ้าหน้าที่ อ้างว่าเป็น “เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้” เข้ามาตำหนิ โดยกล่าวว่า “จะมาทำข่าวให้ชาวบ้านเดือดร้อน เขาหาปลากินกันอยู่ปกติ ไม่น่าจะมาทำข่าวให้เป็นเรื่อง ใครใช้ให้มา อยู่สำนักไหน” พร้อมทั้งตบแขนผู้สื่อข่าวให้หยุดบันทึกภาพ
จากการสอบถามชาวบ้านบางรายให้ข้อมูลว่า ผู้ใหญ่บ้านอนุญาตให้ตกปลาได้ เพื่อระบายปลาออกจากอ่าง แต่ต้องมาตกในช่วงเย็น เพื่อไม่ให้ผู้คนทั่วไปเห็น อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามนายสมมารถ สุภาผล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ตำบลห้วยใหญ่ ผู้ถูกกล่าวอ้าง เขายืนยันว่าไม่เคยอนุญาตให้ใครตกปลาในเขตอภัยทาน และไม่มีหน่วยงานใดที่สามารถอนุญาตได้ เนื่องจากเป็นเขตอภัยทานของวัดญาณสังวราราม พระอารามหลวง ของสมเด็จพระสังฆราชองค์เก่า
ด้านจ่าเอกพงษ์ศิริ ปาทา เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารเรือ ซึ่งดูแลพื้นที่ความสงบเรียบร้อยในเขตวัดญาณฯ และเขตวิหารเซียน กล่าวว่า ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้กวดขันผู้ลักลอบหาปลาในยามวิกาลหลายครั้ง และเคยยึดอุปกรณ์ตกปลาได้ แต่ผู้ก่อเหตุหลบหนีไป และยังเคยถูกกลุ่มวัยรุ่นที่มาตกปลาบุกรุกเข้ามาหาเรื่องถึงตู้ยาม โดยอ้างว่าผู้ใหญ่บ้านอนุญาตให้ตกปลาได้ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและความขัดแย้งในพื้นที่
ทางเจ้าหน้าที่สห. จึงได้ประสานกับนายสมมารถ สุภาผล ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งยืนยันชัดเจนว่าไม่เคยอนุญาต และขอให้ชาวบ้านหยุดการกระทำดังกล่าว หากยังมีการฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเตือนว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางหน่วยงานภาครัฐจะประกาศให้ประชาชนทราบอย่างเป็นทางการต่อไป
ผู้สื่อข่าวยังรายงานอีกว่า สถานที่ดังกล่าวนั้นเป็นเขตอภัยทานที่มีผู้ใจบุญนำสัตว์น้ำมาปล่อยและให้อาหาร รวมไปถึงยังมีป้ายห้ามจับสัตว์น้ำติดตั้งไว้อย่างเห็นได้ชัด แต่กลับมีชาวบ้านบางกลุ่มที่ไม่สนต่อกฎหมายและเกรงกลัวต่อบาปกรรม ถึงขั้นยกพวกหาเรื่องเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ถือเป็นพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัวและป่าเถื่อนเป็นอย่างมาก จึงอยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยแก้ไขคืนพื้นที่อภัยทานให้กับทางวัดด้วย.
