เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 27 ก.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมบูรณาการแผนฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบหลังจากเหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยนายกฯ สั่งการในที่ประชุมว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมที่ภาคเหนือในปัจจุบัน ที่แม้จะมีการคลี่คลายไปบ้างแล้ว แต่ยังต้องการการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและใกล้ชิดมาขึ้น จึงให้จัดตั้ง ศปช. ส่วนหน้า เพื่อเป็นศูนย์สั่งการ และประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย เป็นประธาน พล.อ.ณัฐพล เป็นที่ปรึกษา และให้นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นโฆษก ให้ประจำที่หน้างานเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน สำหรับการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เขตอำเภอเมืองเชียงราย และอำเภอแม่สาย ให้กระทรวงมหาดไทย แบ่งพื้นที่รับผิดชอบ (zoning) เพื่อให้มีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน  โดยรัฐบาลขอตั้งเป้าหมายในพื้นที่ที่ได้รับผมกระทบ ให้เร่งฟื้นฟูและเยียวยาให้เรียบร้อยในวันที่ 20 ต.ค. และให้ทุกส่วนราชการให้การสนับสนุนเครื่องจักรเครื่องมือ บุคลากร ในการดำเนินงานหากพบว่าเครื่องจักร เครื่องมือมีไม่เพียงพอ เห็นสมควรให้จัดจ้างจากเอกชน เพื่อระดมการแก้ไขปัญหา โดยมอบหมายให้ กรมบัญชีกลาง พิจารณากระบวนการจัดจ้างให้เกิดความรวดเร็ว โดยไม่ขัดกับระเบียบ

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ส่วนเรื่องของการอำนวยความสะดวกเพื่อซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างอาคารบ้านเรือน ตลอดจนการบริหารจัดการขยะ และโคลน ให้ผ่อนผันเรื่องการเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ และที่ราชพัสดุ ที่ส่วนราชการต่างๆ ใช้อยู่ สำหรับระบบเตือนภัย ขอให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม เร่งรัดดำเนินการทั้งในพื้นที่นี้ และพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศที่มีความเสี่ยงให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝนปีหน้า และเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ วางแผนการแก้ไขปัญหาระยะกลาง และระยะยาว เช่น การขุดลอกแม่น้ำสายไม่ให้ตื้นเขิน และการจัดทำระบบเตือนภัยและสรุปผลเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาโดยด่วนต่อไป และในการจ่ายเงินเยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเบิกจ่ายให้กับราษฎรโดยเร็วที่สุด รวมถึงมาตรการเยียวยาเพิ่มเติม ที่ทุกภาคส่วนจะเร่งเสนอต่อครม.ต่อไป.