เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 ก.ย. ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์  มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ว่า เบื้องต้นได้รับการประสานจากกองการประชุม ขณะนี้มีร่างที่ถูกบรรจุในระเบียบวาระแล้ว 3 ร่างของพรรคประชาชน (ปชน.) แต่ไม่ทราบความชัดเจนกรณีที่เป็นข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา 2-3 ร่างอีกหรือไม่ จึงต้องรอดูว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังรอความชัดเจนทั้งร่างที่เสนอโดยพรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทยให้ครบถ้วน ก่อนบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระเพิ่มเติมในเรื่องเดียวกัน เพื่อที่จะพิจารณาพร้อมกัน และคาดว่าน่าจะมีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในช่วงกลางเดือนต.ค.นี้ ตามที่กำหนด หากยื่นแล้วต้องบรรจุในระเบียบวาระไม่เกิน 15 วัน ซึ่งเป็นการพิจารณาตามขั้นตอนที่วิปทุกฝ่ายได้หารือกัน เพื่อกำหนดวันเรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ร่างของพรรคประชาชน ที่ส่งมาแล้วจะต้องทำประชามติหรือสำรวจความคิดเห็นของประชาชนหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า หากมีการแก้ไขทั้งฉบับหรือแก้ไขอำนาจองค์กรอิสระหรืออำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ว่าจะลดหรือเพิ่มอำนาจต้องทำประชามติถามความเห็นประชาชน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ขณะที่เรื่องการแก้ไขมาตรฐานจริยธรรม จะต้องพิจารณาว่าแก้ไขเป็นอย่างไร เนื่องจากมีทั้งประเด็นที่ต้องทำและไม่ทำประชามติ ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับสาระสำคัญ

เมื่อถามถึง กรณีที่ สว. ต้องการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ไม่เห็นด้วยกับการใช้เสียงข้างมาก ปกติ แต่เห็นด้วยกับเสียงข้างมาก 2 ชั้น  นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ต้องรอดูสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรเคยแก้ไขและประกาศใช้ไปแล้ว ดังนั้น สว. คิดเห็นไม่เหมือนกัน จะต้องมีการแก้ไขอีกครั้งโดยการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม ซึ่งผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตามนั้น

ส่วนจะส่งผลต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมไม่ต้องทำประชามติก็ไม่ต้องรอ แต่หากร่างไหนที่ต้องผ่านการทำประชามติก่อนคงล่าช้า ส่วนจะทันสมัยประชุมนี้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ไม่อยากพูดไปล่วงหน้า เพราะหากมีการแก้ไขกระบวนการทำประชามติ ที่ต่างจากร่างเดิมกระบวนการต่างๆ ก็จะล่าช้าไปด้วย

เมื่อถามว่า หากเป็นเช่นนี้การแก้ไขประชามติอาจจะทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า จะช้าหรือไม่ช้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้ามีการแก้ไขกฎหมายประชามติ เวลาที่ดำเนินการมาทั้งหมดก็ใช้ไม่ได้ ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ หรือทำประชามติแต่มีผู้ออกมาใช้สิทธิครึ่งหนึ่งแต่เห็นชอบไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เสียงข้างมากของผู้มีสิทธิ จึงต้องดูรายละเอียดเพราะขึ้นอยู่กับกฎหมาย

“ขณะนี้ความเห็นร่วมกันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่มีข้อยุติ ส่วนจะทันในสมัยรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ ยังไม่มีความชัดเจน ว่าจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ เช่น ประเด็นการทำประชามติเป็นประโยชน์น่าสนใจสำหรับประชาชนหรือไม่ เช่น การเลือก สส.ที่มีประชาชนมาใช้สิทธิ เกินร้อยละ 70 เพราะได้รับความสนใจจากประชาชน ขณะที่การทำประชามติไม่รู้ว่าประชาชนสนใจหรือไม่ และยังไม่รู้ว่าจะถามอะไร จะคุ้มค่ากับที่ประชาชนต้องเสียเวลามาหรือไม่ หากแก้ไขไม่ถูกใจประชาชนก็มองว่าไม่ออกมาดีกว่า เพราะไม่ให้ความสำคัญ ทำให้เสียโอกาส เสียเวลา และเสียงบประมาณ ซึ่งเรื่องนี้เดาล่วงหน้าไม่ได้เพราะยังไม่เกิดขึ้น” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว.