สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่าคณะรัฐมนตรีกำลังพิจารณาปรับเปลี่ยนกฎระเบียบและเงื่อนไขของประเทศ ที่ระบุอยู่ในหลักการนิวเคลียร์


เงื่อนไขสำคัญรวมถึง การพิจารณาการโจมตีของ “ประเทศที่ไม่ใช่รัฐนิวเคลียร์” แต่ได้รับความสนับสนุนจาก “มหาอำนาจนิวเคลียร์” ถือเป็น “การโจมตีร่วมกัน” ของทั้งสองฝ่าย


ขณะเดียวกัน รัสเซียจะพิจารณา “ความเป็นไปได้” ของการใช้งานอาวุธนิวเคลียร์ หากฝ่ายความมั่นคงและข่าวกรองตรวจพบว่า กำลังมีการเตรียมการใช้ขีปนาวุธ อากาศยาน และอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ในระดับที่ถือเป็น “ภัยคุกคามอย่างมีนัยสำคัญ” ต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของรัสเซีย


ทั้งนี้ ปูตินเน้นย้ำว่า กองกำลังนิวเคลียร์ของรัสเซีย “มีความสำคัญที่สุด” ในการเป็นหลักประกันด้านความปลอดภัยและความมั่นคง ให้กับรัฐและประชาชนของประเทศ


การประกาศดังกล่าวของผู้นำรัสเซียเกิดขึ้น ในเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ประเทศซึ่งไม่ได้มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง กล่าวต่อสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ว่ารัฐบาลมอสโกเตรียมการทำลายโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของประเทศ

นอกจากนั้น เซเลนสกียังคงเดินหน้าเรียกร้อง ให้สหรัฐและพันธมิตรตะวันตกอีกหลายประเทศ อนุญาตให้กองทัพยูเครนสามารถใช้งานขีปนาวุธที่มีพิสัยทำการระยะไกล ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากกลุ่มประเทศเหล่านี้ ในการโจมตีรัสเซีย.

เครดิตภาพ : AFP