แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โยนแต้มทิ้งไปอีกครั้ง หลังโดน เอฟเวอร์ตัน บุกมาไล่เสมอถึงรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 1-1 ทั้งที่ผู้มาเยือนไม่มี 2 ดาวยิงตัวเก่งอย่าง ริชาร์ลิซอน และโดมินิก คัลเวิร์ต-ลูวิน ด้วยซ้ำ

            เกมนี้ โอเล กุนนาร์ โซลชา ทำเอาสาวกผีแดงช็อกเล็ก ๆ ด้วยการตัดสินใจ คริสเตียโน โรนัลโด และปอล ป็อกบา ไว้บนม้านั่งสำรอง และเลือกส่ง เอดินสัน คาวานี และอองโตนี มาร์กซิยาล ลงมาประจำการในแนวรุกแทน

            เข้าใจได้ว่า น้าโอเล อยากจะเปิดโอกาสให้ โรนัลโด และป็อกบา ได้พักแข้งบ้างหลังเพิ่งผ่านเกมหนักใน แชมเปี้ยนส์ ลีก มาในช่วงกลางสัปดาห์

            ทว่าเมื่อมองจากการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องเก็บ 3 คะแนนเต็มให้ได้เพื่อกลับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูง และจากการที่พวกเขาจะไม่มีโปรแกรมลงสนามไปอีก 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีโปรแกรมทีมชาติมาคั่นกลางแล้ว ก็ต้องบอกว่า โซลชา เลือกจังหวะเวลาในการโรเตชันได้ไม่เหมาะนัก

            อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของ กุนซือชาวนอร์เวย์ ทำท่าว่า จะถูกต้อง หลัง มาร์กซิยาล ตอบแทนความเชื่อมั่นของเจ้านายด้วยการกดให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 43 ซึ่งนับเป็นประตูแรกในลีกของเจ้าตัวนับตั้งแต่เดือนก.พ.เป็นต้นมา

            ต้องเรียนอย่างนี้ว่า นอกจากจะมีประตูขึ้นนำแล้ว เกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเหนือกว่า เอฟเวอร์ตัน อย่างชัดเจนด้วยในครึ่งแรก

            กระทั่งครึ่งหลังผ่านไปราว 10 นาที โซลชา ก็ทำเอากองเชียร์ เรด อาร์มี ต้องอึ้งไปอีกครั้ง เมื่อตัดสินใจถอด มาร์กซิยาล และคาวานี ที่โชว์ฟอร์มไม่ขี้เหล่ออกจากสนาม และส่ง เจดอน ซานโช กับ โรนัลโด ลงมาเล่นแทนดื้อ ๆ ทั้งที่รูปเกมโดยรวมยังดูดีกว่าผู้มาเยือนพอสมควร

            จากนั้นนาทีที่ 65 หายนะก็มาเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด จนได้ เมื่อ บรูโน แฟร์นันด์ส เปิดลูกคอร์เนอร์ไม่ดี ถูก เอฟเวอร์ตัน ตัดบอลได้ และทิ้งไปยาวไปให้ เดมาไร เกรย์ ที่ปักหลักรออยู่บริเวณกลางสนาม

            อันที่จริงฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีทั้ง เฟร็ด และวิคตอร์ ลินเดเลิฟ ที่รอรับมืออยู่แล้ว แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ทั้งสองคนดันเอา ปีกทอฟฟี ไม่อยู่เสียอย่างนั้น

            เริ่มจาก เฟร็ด ที่พยายามโชว์เหนือด้วยการใช้ตัวเข้าไปเบียดเพื่อแย่งบอลคืนมาโดยไม่ยอมตัดฟาวล์ แต่ปรากฏว่า ดันแกร่งสู้ เกรย์ ไม่ได้

ส่วน ลินเดเลิฟ ก็เอาแต่ถอยไม่ยอมตัดสินใจเข้าสกัด หรือ ตัดฟาวล์เพื่อเบรกเกมส่วนกลับของ เอฟเวอร์ตัน เช่นกัน จนกระทั่ง เกรย์ มีโอกาสไหลบอลไปให้ อับดูลาย ดูกูเร ที่จ่ายต่อให้ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ซัดบอลเข้าไปตุงตาข่ายชนิดที่ ดาบิด เด เคอา ทำได้แค่เหลียวมอง

            หลังเสียประตูตีเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็พยายามโหมบุกเต็มที่เพื่อกระทุ้งประตูที่ 2 แต่ก็เหมือนดูหนังม้วนเดิมเมื่อพลพรรคอสูรแดงทำได้แค่ป้อไปป้อมา โดยไม่สามารถหาจังหวะจบสกอร์แบบเน้น ๆ ได้เลย

            แถมยังเกือบจะโดน เอฟเวอร์ตัน จับถ่วงน้ำอีกต่างหาก เมื่อ เยร์รี มินา ส่งบอลเข้าตุงตาข่ายได้สำเร็จในนาทีที่ 85 แต่ถูก VAR ชักกลับเนื่องจาก ดาวเตะโคลอมเบีย ยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าในจังหวะที่รับลูกจ่ายถวายพานจาก ทอม เดวิส

            หลังจบเกม โซลชา ยืนยันว่า ตัวเขาตัดสินใจถูกต้องแล้วที่ดร็อป โรนัลโด พร้อมตำหนิลูกทีมด้วยว่า เสียประตูแบบไม่น่าเสีย สร้างสรรค์โอกาสลุ้นประตูได้ไม่มากพอ แถมยังขาดความเฉียบคมในจังหวะปิดบัญชีอีกต่างหาก ซึ่งก็เป็นเรื่องเดิม ๆ ที่แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ยินมาจนคุ้นหูตลอดช่วงเวลา 2 ปี 9 เดือนที่ผ่านมา

            คำถามก็คือเมื่อไรที่ตัวเขา และทีมงานจะแก้ปัญหานี้ตกเสียที ทั้งที่แนวรับก็เพิ่งได้โคตรกองหลังอย่าง ราฟาแอล วาราน เข้ามาเติม ขณะที่แนวรุกก็ได้มาทั้ง ซานโช และโรนัลโด แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรดีขึ้นแม้แต่น้อย

            เชื่อเหลือเกินว่า ด้วยขุมกำลังนักเตะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีอยู่ในมือ หากเป็นกุนซือที่มีกึ๋นกว่านี้สักหน่อย เรด เดวิลส์ ก็คงจะไม่ต้องเสียท่าให้ทีมอย่าง ยัง บอยส์, เวสต์แฮม และแอสตัน วิลลา รวมทั้งทำได้แค่เปิดบ้านเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน ที่อยู่ในสภาพไม่สมประกอบอย่างนี้

            ที่สำคัญคงไม่มีกุนซือรายไหนที่ยังสามารถจะยิ้มระรื่นได้เหมือนกับที่ โซลชา ฉีกยิ้มออกมาอย่างน่ารักน่าชังในช่วงทดเจ็บของเกมกับ เดอะ ทอฟฟีส์ ทั้งที่ลูกทีมกำลังจะทำแต้มหลุดมือ และมีแค่แต้มเดียวจากที่ควรจะได้ถึง 6 คะแนนจากการลงเล่นในบ้าน 2 นัดแน่นอน.

แท ยอน