ปัจจุบันมีผู้คนที่เริ่มหันมาสนใจการออกกำลังกายมากยิ่งขึ้น และที่เห็นบ่อยๆ คือผู้คนมักจะออกไปวิ่งกันในตอนเช้าและเย็นตามสวนสาธารณะ หรือแม้กระทั่งสมัครลงแข่งขันวิ่งตามงานวิ่งต่างๆ และปัญหาที่ตามมาคืออาการบาดเจ็บ ซึ่งเกิดมาจากรองเท้าที่ไม่เหมาะกับประเภทการวิ่ง รวมไปถึงไม่เหมาะกับลักษณะของรูปเท้าของตัวเอง วันนี้ทางทีมข่าวกีฬาเดลินิวส์ มีวิธีการเลือกรองเท้าวิ่งมาให้ทุกคนได้ศึกษากันจะมีอะไรบ้างไปดูกัน

ก่อนจะเลือกซื้อรองเท้า สิ่งแรกที่ต้องรู้คือรูปเท้าของตัวเอ และรูปเท้าก็มีหลายแบบด้วยกัน หลักๆ จะแบ่งเป็น

  1. อุ้งเท้าปกติ เป็นลักษณะของอุ้งเท้าที่พบได้ทั่วไป โดยรอยขอบของเท้าจะไม่โค้งมาก ไม่สูงและไม่ต่ำจนเกินไป
  2. เท้าแบน (โค้งต่ำ) เท้าประเภทนี้มีมีลักษณะที่โค้งต่ำมากหรือขาดหายไป เมื่อคนเท้าแบนยืน ปลายเท้าจะสัมผัสกับพื้น ปัญหาที่มักเกิดกับคนที่มีลักษณะเท้าแบบนี้คือ พังผืดฝ่าเท้าอักเสบ
  3. เท้าโค้งสูง ช่วงล่างของฝ่าเท้าจะโค้งสูงจากพื้นมากกว่าปกติ เวลาเดินหรือวิ่งจะทำให้เกิดแรงกระแทกมาก ปัญหาที่เกิดจากคนเท้าแบบนี้คือข้อเท้าพลิกได้ง่าย หรืออาจเจ็บฝ่าเท้าด้านหน้า และ 7 วิธีเลือกรองเท้าวิ่งมีดังนี้

1. เลือขนาดรองเท้าที่ใส่แล้วพอดี ควรเลือกขนาดรองเท้าที่มีความพอดี ไม่ควรแน่นหรือหลวมมากจนเกินไป เพราะการที่ใส่รองเท้าที่เล็กมากเกินไปจะทำให้เวลาวิ่งบริเวณนิ้วเท้าดันไปข้างหน้าทำให้เกิดอาการช้ำหรืออาจเกิดเล็บขบได้ ในทางกลับกัน ถ้าใส่รองเท้าที่หลวมมากเกินไปเท้าจะขยับไปมาอยู่ตลอด และไม่ถูกล็อกเข้ากับกระดูกข้อเท้า จะทำให้เกิดการเสียดสีระหว่างรองเท้ากับผิวหนัง จนเกิด “แผลพุพอง” ได้

2. รองรับรองกระแทกได้ดี ในการวิ่งแต่ละครั้งน้ำหนักส่วนใหญ่จะลงไปบริเวณหัวเข่าและเท้าเป็นหลัก เพราะเนื่องจากพื้นที่รองรับไม่ได้นุ่มมากหรือบางที่ก็เป็นพื้นปูน จะทำให้ส่วนที่เกิดแรงกระแทกนั้นเกิดอาการบาดเจ็บได้

3. น้ำหนักเบา และระบายอากาศได้ดี การเลือกรองเท้าวิ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการจะออกไปวิ่งแต่ละครั้ง ควรจะมีน้ำหนักเบาและสามารถระบายอากาศได้ดี เพราะนอกจากจะวิ่งได้อย่างคล่องตัวแล้ว ในเรื่องของการระบายอากาศก็สำคัญ เพราะว่าเวลาที่วิ่งไปนานๆ จะทำให้เท้าเกิดการเสียดสีเกิดเหงื่อมยากอาจจะทำให้เท้าอับชื้นได้

4. ยืดหยุ่นโค้งงอตามรูปเท้า การเลือกรองเท้ามีการยืดหยุดโค้งงอไปตามรูปเท้าของเราได้ จะช่วยลดอาการบาดเจ็บ การที่รองเท้ามีความยืดหยุ่นน้อย จะทำให้กล้ามเนื้องบริเวณเอ็นร้อยหวายทำงานหนัก อาจจะทำให้เกิดอาการปวดได้

5. เลือกรองเท้าตามพื้นผิวการวิ่ง การวิ่งนั้นมีหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพื้นเรียบ สวนสาธารณะ หรือการวิ่งเทรลที่ต้องวิ่งไปตามพื้นที่ผิวที่ขรุขระ การเลือกรอบเท้าให้เหมาะกับประเภทวิ่งจะทำให้ช่วยถนอมรองเท้า และช่วยให้การวิ่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  • การวิ่งในบริเวณที่พื้นผิวเรียบ อย่างเช่น พื้นถนน พื้นยาง ควรเลือกรองเท้าทีผิวเรียบ มีน้ำหนักเบา รับแรงกระแทกได้ดี
  • รองเท้าวิ่งเทรล ใช้สำหรับวิ่งตามธรรมชาติ ที่มีทั้งความขรุขระ โคลน บางเส้นทางก็อาจจะมีหิน ควรเลือกรองเท้ามีปุ่ม เพื่อป้องกันการลื่น และช่วยในการยึดเกาะ

6. เลือกให้เหมาะกับประเภทของการวิ่ง การวิ่งนั้นมีด้วยกันหลายรูปแบบ ตั้งแต่การวิ่งจ็อกกิงยามเช้า, วิ่งระยะสั้นแบบ Fun Run 5 กิโลเมตร, การวิ่งแบบมินิมาราธอน 10.5 กิโลเมตร, ฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร หรือการวิ่งมาราธอนที่มีระยะทาง 42.195 กิโลเมตร หากวิ่งระยะไกลควรเลือกรองเท้าที่รองรับแรงกระแทกได้ดี เพื่อซัพพอร์ตการวิ่งนานๆ

7. ซื้อรองเท้าให้ถูกเวลา อีกหนึ่งวิธีเลือกซื้อรองเท้าวิ่งที่สำคัญ คือ ควรเลือกซื้อรองเท้าวิ่งในช่วงเย็น เพราะเป็นเวลาที่เท้าจะขยายใหญ่เต็มที่ เนื่องจากผ่านการใช้งานมาทั้งวัน