เมื่อวันที่ 30 เม.ย. นายคำพันธ์ อันทฤทธิ์ อายุ 74 ปี และ นางสมพร อันทฤทธิ์ อายุ 66 ปี ชาวบ้าน อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนและภรรยาเพิ่งโดนแก๊งมิจฉาชีพหลอกเอาเงินเก็บก้อนสุดท้ายและทองรูปพรรณไปจนหมดตัว รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างที่พวกตนอยู่ในสวน ได้มีสามี-ภรรยา ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิคสีขาว ทะเบียน กจ 5135 กรุงเทพมหานคร ขับเข้ามาถามหาซื้อที่ดินบริเวณนี้ ว่ามีใครต้องการขายหรือไม่ ตนเองจึงบอกว่ามีคนต้องการขายอยู่รายหนึ่ง จากนั้นชายหญิงทั้งสองก็นัดเจอกับตนเองในวันถัดมาคือ วานนี้(29 เม.ย.)

โดยทั้งสองบอกว่าจะให้เงินค่าเสียเวลาพาไปดูที่ดินดังกล่าวคนละ 1,000 บาท ระหว่างนั้น มีโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยว่ามีคนต้องการขายที่ดิน 20 ไร่ อยู่บ้านลอมไผ่ห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร พร้อมกับชักชวนให้ตนเองกับภรรยาไปด้วยกันโดยนัดเจอกับเจ้าของที่ เมื่อไปถึงเจอกับชายคนหนึ่งกำลังเดินหน้าที่ดินแปลงที่จะขาย ได้สอบถามว่าบ้านยายดำไปทางไหน ชายคนดังกล่าวบอกว่าที่ดินแปลงนี้ตนเองดูแลเพราะยายดำได้เสียชีวิตไปแล้ว ทั้งสองฝ่ายได้พูดจา ก่อนจะตกลงซื้อขาย ที่ดินแปลงดังกล่าวในราคา 7 แสนบาท จากนั้นได้มีการโทรศัพท์เพื่อนัดรับเงินจากนายทุนจำนวน 400,000 บาท เพื่อมาวางมัดจำและมีการนำเงินไปให้กันจริงๆ

นายคำพันธ์ เล่าต่อว่า จากนั้นได้มีการมานั่งท่องนะโม 3 จบ พร้อมกับการสาบานว่าจะไม่บอกเรื่องในวันนี้ ให้กับคนในครอบครัวได้รู้ ตนเองก็ไม่เอะใจอะไร นัดมาดูที่อีกแปลงที่ได้มีการนัดตกลงราคากันแล้วในราคา 7 แสนบาท แต่ทั้งสองคนได้อ้างว่าตอนนี้โฉนดที่ดินติดจำนองกับนายทุนใน อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู และเงินหมดเลยขอให้ตนเองและยายได้นำเงินมาให้ยืมก่อน เพื่อไถ่ถอนโฉนดที่ดินก่อน หากเอาเงินมาสมทบส่วนหนึ่งแล้วจะมีการแบ่งเงินให้ในภายหัลง ตนจึงนำสมุดบัญชีไปเบิกเงิน 10,000 บาท และ ภรรยาอีก 20,000 บาท ซึ่งเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้าย และยังเอาทองรูปพรรณน้ำหนัก 2 บาท ส่งให้แก่ชายหญิงที่นั่งอยู่ในรถ

จากนั้นชายทั้งสองก็ไปจอดรถหน้าร้านถ่ายเอกสาร พร้อมบอกให้ตนเองลงไปถ่ายสำเนาบัตรประชาชน เมื่อตนเองถ่ายเสร็จชายหญิงทั้งสองคนก็บอกให้ยายลงม
าถ่ายด้วย ซึ่งฝ่ายชายหญิงบอกว่าจะไปกดเงินที่ตู้ ATM และไปคุยกับเจ้าของที่ดิน แต่สุดท้ายก็ไม่มารับปล่อยพวกตนเอาไว้ พอโทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้รู้ว่าถูกหลอกเสียแล้ว จึงนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่บ้านไปแจ้งความยัง สภ.สีชมพู เพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย.